AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักตามกรอบ 1380-1390
กลยุทธ์เลือกหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
Market Strategy
SET Index คาดผันผวนตามกรอบ 1380- 1390 จุด เชื่อว่า Risk Appetite ของนักลงทุนจะชะลอลงในช่วงต้นสัปดาห์เพื่อให้น้ำหนักกับ 2 การประชุมธนาคารกลางสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่
การประชุม BOJ วันที่ 19 มี.ค. คาดว่าจะส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยฯ จากปัจจุบัน -0.1% รวมถึงการยุติการใช้มาตรการ Yield Curve Control เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวและเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึงระดับเป้าหมายของ BOJ และมีโอกาสฟื้นต่อหลังการเจรจาปรับขึ้นค่าแรงระหว่างสหภาพแรงงานและบริษัทยักษ์ใหญ่สัปดาห์ที่ผ่านมาบรรลุข้อตกลงเพิ่มค่าจ้าง 5.28% สูงสุดในรอบ 33 ปี
การประชุม FED ระหว่างวันที่ 19-20 มี.ค. คาดคงดอกเบี้ยที่ 5.5% แต่สิ่งที่ให้น้ำหนักคือการส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินผ่าน FOMC Dot Plot หลัง FED รับรู้รายงาน CPI และ PPI เดือน ก.พ. ที่มากกว่าคาด โดยล่าสุดตลาดคาดว่าดอกเบี้ยจะลดครั้งแรกในเดือน มิ.ย. 67 มาที่ 5.25% และดอกเบี้ย ณ สิ้นปี 67 คาดที่ 4.75%
ปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าการพิจารณาร่างงบประมาณปี 67 ในวาระ 2-3 ในชั้นของ ส.ส. ระหว่างวันที่ 20-21 มี.ค. หากผ่านได้จะเตรียมส่งต่อให้ ส.ว.พิจารณาในวันที่ 25-26 มี.ค. ก่อนที่นำขึ้นทูลเกล้าในวันที่ 3 เม.ย. ซึ่งการเบิกจ่ายงบฯ เชื่อว่าจะเกิดได้ช่วงครึ่งหลังของเดือน เม.ย. 67 เป็นบวกต่อการลงทุนภาครัฐฯ และภาคบริโภคในประเทศต่อไป
Market Summary
SET Index ปรับลง 8.9 จุด ส่วนหนึ่งมาจาก FTSE Rebalance จึงห็นความผันผวนช่วงท้ายตลาด และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.2 พันล้านบาท หุ้นกลุ่มที่กดดันมาจากกลุ่ม Market Cap ใหญ่ อาทิ DELTA -3.6% CPALL -1.75% ADVANC -1.4% ส่วนกลุ่มที่บวกเด่นกลุ่มเหล็ก +8.9% กลุ่มรับเหมา +1.1% บนความคาดหวังต่อความคืบหน้างบประมาณปี 67
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BCH GLOBAL
GLOBAL หุ้นได้ประโยชน์จากงบประมาณรัฐฯ
เห็นพัฒนาเชิงบวกของ SSSG ในช่วง 2M67 หดตัวลดลงเหลือ -4% -6%YoY เมื่อเทียบกับ 4Q66 ที่ SSSG ติดลบมากถึง -12%YoY ขณะที่ 2Q67 จะได้ประโยชน์จากงบประมาณภาครัฐฯ ที่เริ่มเบิกจ่าย ซึ่งเราคาดว่างบปีนี้จะต้องเร่งเบิกจ่ายอย่างมากเพราะระยะเวลาสั้นเพียง 6 เดือนเท่านั้น ปัจจัยหนุนต่อ SSSG พลิกกลับมาเป็นบวกในช่วง 2H67 ได้ไม่ยาก
ด้านประสิทธิภาพการทำกำไรมีแนวโน้มที่ดีจาก Product Mix ที่จะเน้นสัดส่วนจากสินค้า House Brand มากขึ้น และประโยชน์จากราคาเหล็กที่ความผันผวนจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
เราคาด EPS Growth 67E เติบโต 16%
โดยแรงหนุนต่อราคาหุ้นในระยะสั้นอยู่ที่
ความคืบหน้าในการพิจารณางบ 67
วาระ 2-3 ในสภาฯ สัปดาห์นี้
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 18.00 บาท
BCH Defensive Growth
แนวโน้มกำไรปี 1Q67E จะอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะการเติบโต YoY หนุนจากจำนวนผู้ป่วยประกันสังคมเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยต่างชาติที่กลับเข้ามาและการได้ประโยชน์จากฐานกำไรที่ต่ำในปีก่อน
กำไรทั้งปี 67 เชื่อว่าจะเติบโตดีเช่นกันจาก 1) ผู้ป่วยประกันสังคมที่ได้ผลบวกจากจำนวนคนไข้และค่ารักษาที่เพิ่มขึ้นเต็มปี 2) intensity ค่ารักษาสูงขึ้นในผู้ป่วยเงินสดและ 3) ผู้ป่วยต่างชาติที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเปิดประเทศ โดย Bloomberg Consensus คาด EPS Growthปี 67 ขยายตัว 30% มากที่สุดในกลุ่มกลุ่มโรงพยาบาลที่ขยายตัว 8% แต่ราคาหุ้น BCH กลับยังติดลบ -2.7%YTD เทียบกับกลุ่มที่ปรับขึ้น 1.8% จึงมองราคาที่ย่อลงมาเป็นจังหวะสำหรับสะสม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.00 บาท
KEY FACTOR
ปัจจัยสำคัญที่น่าจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้
การเสนอร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 67 เข้าพิจารณาในสภาผู้แทนฯ วาระ 2-3 วันที่ 20-21 มี.ค. ซึ่งน่าจะสร้าง sentiment บวก ความคาดหวังการใช้จ่ายภาครัฐที่ชะลอมานาน (+CONS, BANK, COMM)
การประชุม FOMC รู้ผลวันที่ 21 มี.ค. ตามเวลาไทย ซึ่งจะมีทั้งการกำหนด Dot Plot ส่งสัญญาณต่อมุมมองดอกเบี้ยในช่วงถัดไป รวมทั้งการปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ ทั้งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นปัจจุบันที่ค่อนข้างระมัดระวัง (Conservative) คาด Fed ลดดอกเบี้ยแค่ 3 ครั้ง ดังนั้น ผลกระทบเชิงลบน่าจำกัด และมีโอกาสตอบรับเชิงบวกมากกว่า หากมีการส่งสัญญาณผ่อนคลายมากกว่าคาด ในขณะเดียวกัน น่าจะมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจขึ้น หากเทียบกับประมาณการณ์ล่าสุดในเดือน ธ.ค. ที่คาด GDP ปี 2567 จะโตเพียง 1.4% เทียบกับ Consensus ที่ค่อยๆขยับประมาณการณ์ขึ้นมาต่อเนื่องสู่ระดับ 2.1% ในปัจจุบัน
Eyes on
18 มี.ค. ยอดเริ่มสร้างบ้านสหรัฐฯ, ยอดค้าปลีกจีน, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน, CPI ของ Eurozone
20 มี.ค. การประชุม FOMC, พ.ร.บ. งบประมาณปี 67 เข้าพิจารณาในสภาผู้แทนฯ วาระ 2-3
21 มี.ค. S&P Global PMI สหรัฐฯ, ยอดขายบ้านมือสอง, HCOB PMI ของ Eurozone
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ