AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ยังขาดปัจจัยขับเคลื่อน
กลยุทธ์ Selective Buy

Market Strategy
SET Index วันนี้คาดแกว่งตามกรอบ 1370-1385 จุด ปัจจัยแวดล้อมไม่ได้มีปัจจัยใหม่ขับเคลื่อน เนื่องจากนักลงทุนให้น้ำหนักไปที่การรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.พ. ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้แกว่งพักตัวบวกลบผสมผสาน U.S. Bond Yield และDollar Index แกว่งออกข้าง การเคลื่อนไหวข้างต้นเชื่อว่าเกิดภาพซ้ำในตลาดหุ้นบ้านเราวันนี้ ทั้งนี้ตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐฯ ก.พ. ขยายตัวเท่าเดือนก่อนที่ 3.1%YoY ,เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 3.7%YoY ลดลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 3.9%YoY

วานนี้ กลต. เปิดเผยแผนการดำเนินการมาตรการกำกับดูแลซื้อขาย Short Selling (เพิ่มเกณฑ์ Market Cap และ Turnover) และ Program Trading (เพิ่มเกณฑ์ควบคุมความผันผวน) ซึ่งจะเริ่มเปิดรับฟังความคิดเห็นในช่วง 2Q67 และจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 3Q67 เป็นต้นไป จากนั้นใช้ระยะเวลา 3-6 เดือนเพื่อประเมินผลของการบังคับใช้มาตรการต่างๆ หากไม่บรรลุผลพร้อมยกระดับมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น การยกระดับเกณฑ์ข้างต้น เราเชื่อว่าจะเป็นบวกในระยะกลาง-ยาวที่จะช่วยลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหุ้นเมื่อเทียบปัจจัยทางพื้นฐาน และสุดท้ายจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมา สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ยัง Selective Buy เลือกหุ้นทีมีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Summary
SET Index ปรับลง 6.19 จุด แรงกดดันหลักมาจาก DELTA -2% ตามทิศทางหุ้นเทคสหรัฐฯ PTTEP ปรับลง 2.3% ตามราคาน้ำมันดิบ ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้นสวนตลาดกลุ่มอาหาร CPF +2.7% GFPT +4.2% จากราคาไก่ที่เริ่มฟื้นตัว กลุ่มโรงไฟฟ้าจากค่าไฟมีแนวโน้มที่ผ่านจุดต่ำสุดหนุนโรงไฟฟ้า SPP โดย GPSC +1.8% BGRIM +2.6% นักลงทุนต่างชาติสลับมาขายสุทธิ 2.34 ล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BCH HTC

HTC กำไรเติบโตบวก ปันผลสูงรองรับ
กำไรปี 67 ยังมีแนวโน้มขยายตัวจากรายได้ที่บริษัทตั้งเป้าเติบโต 6-8% หนุนจากการออกสินค้าใหม่ การเพิ่มความหลากหลายขนาดสินค้าและช่องทางการจำหน่าย ขณะที่ GPM ในปี 2567 คาดดีขึ้นจากการปรับลดต้นทุน โดยหนึ่งในกลยุทธ์คือการเพิ่มกำลังการผลิตของขวดแก้ว(เริ่มผลิต 4Q67) ที่สามารถ reuse ส่งผลบวกต่อกำไรขั้นต้นดีขึ้นในระยะยาว
1Q67 ตลาดคาดกำไรลดลง YoY จากฐานสูงปีก่อน แต่จะขยายตัว QoQ เรามอง Upside ที่เกิดขึ้นมาจากการท่องเที่ยวภาคใต้และฤดูร้อนปีนี้จะร้อนกว่าปกติ หนุนความต้องการบริโภค ราคาหุ้นซื้อขายบน PER 67E ที่ +/-10 เท่า (ต่ำกว่ากลุ่มเครื่องดื่ม ICHI 19 เท่า SAPPE 23 เท่า) แถมมีปันผลสูง 2H66 ที่ 3.2% (โดยทั้งปีจ่ายปันผลอยู่ที่ 6%)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.00 บาท

BCH กำไรโตเด่นสุด แต่ราคาหุ้นยังไม่เด่นตาม
แนวโน้มกำไรปี 1Q67E จะอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะการเติบโต YoY หนุนจากจำนวนผู้ป่วยกันสังคมเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยต่างชาติที่กลับเข้ามาและการได้ประโยชน์จากฐานกำไรที่ต่ำในปีก่อน
กำไรทั้งปี 67 เชื่อว่าจะเติบโตดีเช่นกันจาก 1) ผู้ป่วยประกันสังคมที่ได้ผลบวกจากจำนวนคนไข้และค่ารักษาที่เพิ่มขึ้นเต็มปี 2) intensity ค่ารักษาสูงขึ้นในผู้ป่วยเงินสดและ 3) ผู้ป่วยต่างชาติที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเปิดประเทศ โดย Bloomberg Consensus คาด EPS Growthปี 67 ขยายตัว 30% มากที่สุดในกลุ่มกลุ่มโรงพยาบาลที่ขยายตัว 8% แต่ราคาหุ้น BCH กลับยังติดลบ -2.7%YTD เทียบกับกลุ่มที่ปรับขึ้น 1.8% จึงมองราคาที่ย่อลงมาเป็นจังหวะสำหรับสะสม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาผันผวน มีแรงขายทำกำไรก่อน การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะคงแนวโน้มขาลงต่อเนื่อง ซึ่ง Consensus คาด เงินเฟ้อทั่วไป +3.1% YoY, +0.4% MoM จาก +0.3% MoM และเงินเฟ้อพื้นฐาน +3.7% YoY, +0.3% MoM
คาดจะเป็นชุดข้อมูลในช่วงโค้งสุดท้ายที่มีผลให้ตลาดปรับมุมมองดอกเบี้ยระลอกสุดท้ายก่อนการส่งสัญญาณผ่าน Dot Plot ของ Fed ในการประชุม 21 มี.ค. (9-21 มี.ค. เป็นช่วงเข้าสู่ Blackout ห้ามคณะกรรมการ/สมาชิก Fed ส่งสัญญาณ)
ทิศทางตลาดที่อยู่บนความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยประมาณ 4 ครั้ง ในขณะที่ตลาดการเงินก็สะท้อนภาพที่ตอบรับบวกความคาดหวังที่สูงขึ้น 1) ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ ลดลง -15.4 bps MTD 2) Dollar Index ปรับตัวลง -1.23% MTD จึงอาจเป็นจุดที่ต้องระมัดระวังการตอบรับเชิงลบหากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาร้อนแรงกว่าที่ Consensus คาด

Eye On
12 มี.ค. เงินเฟ้อสหรัฐฯ
14 มี.ค. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ, PPI สหรัฐฯ
15 มี.ค. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ, MLF จีน, ดัชนีราคาบ้านจีน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ