News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

11 มี.ค. 2567 09:20:20 239

Market Wrap-Up

SET วันที่ 8 มี.ค.67 ปิด +14.26 จุด อยู่ที่ 1,386.42 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,077 ลบ.ต่างชาติซื้อ 1,610 ลบ.สถาบันซื้อ 1,141 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 368 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 1,501 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น GULF,TISCO,GPSC,BDMS,JMT และมียอดขายสุทธิ PTT,AOT,ADVANC,DELTA,BBL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 4,170 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ JAPAN13,CHINA,BTS-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 30,531 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 39,400 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,071 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.18%, S&P500 -0.65%, Nasdaq -1.16% กลุ่มเทคโนโลยี -1.8%, สินค้าอุปโภค -0.8%, กลุ่มเซมิคอนฯตลาดฟิลาเดลเฟีย -4% หลัง Nvidia -5.6%, Broadcom -7% จากคาดการณ์ปีนี้ลดลง ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.02% อสังหาฯ +2.1%, บริการการเงิน +1.1% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี -1.6% โดย BESI ผู้ผลิตชิปเนเธอร์แลนด์ -16.1%
Market View
DJIA -0.93%, S&P500 -0.26%, Nasdaq -1.17% WoW จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี, ผู้ผลิตชิป เช่น Nvidia, Broadcom, Marvell Tech ที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมากเกินไป ตอบรับอุปสงค์ชิป AI ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.พ. อยู่ที่ 275,000 สูงกว่าคาด 200,000 ราย แต่อัตราว่างงานปรับขึ้นอยู่ที่ 9% & ม.ค. 3.7% และอัตราค่าจ้างราย ชม. +0.1% & คาด +0.2% MoM บ่งชี้ตลาดแรงงานมีสัญญาณชะลอตัว ส่วนถ้อยแถลงนโยบายกาเงินรอบครึ่งปีของเจอโรม พาวเวล บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐลดลง และมีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้ ส่งผลให้ CME Fed Watch ชี้โอกาส 57.4% เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุม 12 มิ.ย. สัปดาห์นี้วันอังคารติดตาม US CPI ก.พ. คาด 3.1% & ม.ค. 3.1% YoY
Stoxx600 +1.1% WoW ได้แรงหนุนจาก CAC-40 ฝรั่งเศส , DAX เยอรมันทำจุดสูงสุดใหม่ หลังการประชุม ECB มีมติคงดอกเบี้ยเงินฝากที่ 4% แต่ ปธ.ECB เผยคาดเงินเฟ้อยูโรโซนปีนี้ลดลงอยู่ 3% และ ECB มีโอกาสจะเริ่มลดดอกเบี้ยใน มิ.ย.
MSCI Asia Pacific X Japan +1.55 % WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชียเหนือฟื้นตัว หลัง ธ.กลางหลักส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ กอปรการประชุมสภาประชาชนจีนตั้งเป้า GDP ปีนี้เติบโต 5% แม้ว่าจะยังไม่มี ม.กระตุ้นเศรษฐกิจกใหม่ ขณะที่ดัชนีนิเกอิ -0.53% WoW จากความกังวล BOJ จะยกเลิก ม.ดอกเบี้ยติดลบ
SET +1.39% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 0 หมื่น ลบ. -31.4% WoW สถาบันซื้อ 3.4 พัน ลบ. ต่างชาติขาย 2.6 พัน ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1.3 ลบ. หลัง Fed & ECB มีโอกาสจะเริ่มลดดอกเบี้ยใน มิ.ย. ส่งผลบวกต่อกลุ่มอิเล็ก ฯ +3.66%, ไฟแนนท์ +1.7% และโรงไฟฟ้า +1.5% WoW ได้ประโยชน์จาก US & Euro Bond Yield ปรับลดลง ขณะที่กลุ่ม รพ., ท่องเที่ยว, ค้าปลีกได้แรงหนุนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ม.ค. – 3 มี.ค. รวมอยู่ที่ 6.7 ล.คน +49% YoY และคาดโมเมนตัมยังเป็นบวกต่อจาก ม.ฟรีวีซ่าไทย – จีนที่เริ่มใน มี.ค. และเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ใน เม.ย. ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วง Q1/67 คาดจะกลับมาขยายตัวได้ดี QoQ หลัง Q4/67 หดตัวเป็นผลจากการใช้จ่ายภาครัฐชะลอตัว สัปดาห์นี้ติดตาม US CPI ในวันอังคาร และวันศุกร์ FTSE Rebalance คาดไม่มีผลกระทบเนื่องจาก CPF, HMPRO, IVL, SCGP ออกจาก Large Cap เข้า Mid Cap Index

Daily Strategy

ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,370 – 1,377 แนวต้าน 1,395 – 1,400 รอประเมิน US CPI และโอกาสลดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก & ท่องเที่ยว CPALL,CPAXT,BJC,AOT,AAV,MINT / MTC,TIDLOR,GULF,GPSC,BGRIM ได้ประโยชย์จาก US Bond Yield ปรับลดลง
MTC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 47.50 บาท) บริษัทรายงานกำไร 4Q66 ดีขึ้น +5%QoQ, +19%YoY เป็นไปตามสินเชื่อที่ขยายตัว +3%QoQ, +19%YoY ด้าน Cost of fund สูงขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ย แต่ยังสามารถบริหารจัดการ Credit cost ให้ลดลงอยู่ที่ 7% เทียบกับ 3Q66 ที่ 3.8% 4Q65 ที่ 4.4% จาก NPL ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม cost to income เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายพนักงาน ส่วนแนวโน้มปี 67 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ +20% เป็น 1.7 แสนล้านบาท เพิ่มจำนวนสาขาอีก 600 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 7,500 สาขา เน้นเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อมีหลักประกันและเพิ่มคุณภาพของพอร์ตเพื่อคุม NPL ให้ไม่เกิน 3.2% ทั้งนี้หากอิง Consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67-68 ที่ 5.76 พันล้านบาท +17%YoY และ 7.09 พันล้านบาท +23%YoY
ADVANC (ซื้อสะสม / ราคาเป้าหมายปี67 257.00 บาท) กำไรสุทธิงวด 4Q66 อยู่ที่ 7,003 ลบ., -14%QoQ, -5%YoY หดตัวจาก YoY การตั้งสำรองด้อยค่า แต่หากดูเฉพาะฝั้งรายได้จะ +YoY +QoQ ได้ดี หนุนด้วย ARPU ที่สูงขึ้น สำหรับแนวโน้มภาพระยะสั้น เราประเมินผลประกอบการ 1Q67 ทรงตัวจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากTTTB/JASIF อย่างไรก็ตาม ภาพระยะกลาง-ยาว ยังมีปัจจัยบวกจาก 1.รายได้ฝั่งธุรกิจ Fixed Broadband ที่ยังมีโมเมนตัมที่ดีและฐานลูกค้าที่เพิ่มมาจากTTTBBBlended ARPU ที่สูงขึ้นจาก User ที่ migrate package มาเป็น 5G 3.การแข่งขันที่ลดลงในอุตฯหลังผ่านช่วงควบรวม คาดจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการตลาดลดลงอย่างมีนัยยะ

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI เม.ย. -$0.92 อยู่ที่ $78.01/บาร์เรล Brent พ.ค. -$0.88 อยู่ที่ $82.08/บาร์เรล โดย WTI -2.5% WoW, Brent -1.8% WoW หลังจีนตั้งเป้า GDP ปีนี้เติบโต 5% แต่ยังไม่มี ม.กระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ส่งผลให้อุปสงค์จากจีนอาจลดลง แม้ว่าโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตต่อไปจนถึงสิ้น Q2/67

Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$20.3 อยู่ที่ $2,185.50 /ออนซ์ โดยสัญญาทองคำ +2.5% WoW ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.11% อยู่ที่ 102.71 และ US Bond Yield 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.077% จากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน มิ.ย. หลังอัตราว่างงานสหรัฐ ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้น

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ
+1.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -72.44 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +30.93 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +43.46 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 35.38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.058 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +94 จุด อยู่ที่ 2,345

(-) BitCoin เช้านี้ -1.02% อยู่ที่ 68,246 ดอลลาร์สหรัฐ

(-) GDP ญี่ปุ่น Q4/66 +0.1% ต่ำกว่าคาด +0.3% & Q3/66 -0.7% QoQ

Economic Calendar

ในประเทศ

11 มี.ค. ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

ต่างประเทศ

12 มี.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI (ก.พ.)

13 มี.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

14 มี.ค. US ดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) (ก.พ.)

US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.พ.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, HMPRO*, ILM*, CPN*, CRC, MC*, KAMART*, CBG*, ICHI*, RBF*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66 AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, SAPPE*, DELTA, KCE*, EPG*, NYT*, SJWD*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio March 2024: GFPT*, BDMS, BSRC*, CPALL, AAV*

Analysts

Apichai Raomanachai