AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักประคองฐาน
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
คาด SET Index วันนี้แกว่งประคองฐานตามกรอบ 1350-1365 จุด สภาพแวดล้อมวันนี้ขาดแรงขับเคลื่อนหลังจากสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวมโดนแรงขาย เริ่มจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับลงกว่า 1% กดดันจากการรายงานตัวเลข ISM นอกภาคผลิตเดือน ก.พ. 52.6 ต่ำกว่าตลาดคาด 53.00 และปัจจัยเฉพาะตัวของหุ้น Mega tech เช่น Apple -3% ที่รายงานยอดขายในจีน 6สัปดาห์แรกหดตัว -24%YoY

การประชุม NPC ของจีนวานนี้ตลาดยังขาดความเชื่อมั่นต่อการบรรลุเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจ หลังตั้งเป้าการขยายตัว GDP67 ที่ 5%YoY แต่เป้าการขาดดุลงบประมาณกลับอยู่ที่ 3% ของ GDP ลดลงจากปี 66 ที่ 3.8%ของ GDP และยังไม่มีมาตรการกระตุ้นที่ชัดเจน การตอบสนองของดัชนี CSI300 +0.7% แต่สวนทางกับดัชนี Hang Seng -2.6% และราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ติดลบ -0.8%

ด้านปัจจัยในประเทศการรายงานเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ติดลบเป็นเดือนที่ 5 ที่ -0.77%YoY ใกล้เคียงตลาดคาด -0.8%YoY จากมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐและเศรษฐกิจฟื้นช้า ขณะที่เดือน มี.ค. มีแนวโน้มลดลงต่อ เป็นปัจจัยเพิ่มความคาดหวังต่อการปรับลดอกเบี้ยในเดือน เม.ย. 67 กลยุทธ์การลงทุนยัง Selective Buy หุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว

Market Summary
SET Index ปรับลง 3.33 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.9 พันล้านบาท สร้างแรงกดดันต่อหุ้น Market Cap ขนาดใหญ่ นำโดย DELTA -2.24% AOT -0.77% SCC -1.85% และ ADVANC -0.96% ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้นนำโดย TRUE +3.6% กลุ่มค้าปลีก CPALL +0.9% และ CPAXT +1.5%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BEM SPALI

SPALI โตโดดเด่นสวนกลุ่ม
SPALI รายงานงบ 4Q66 ขยายตัว QoQ และดีกว่าตลาดคาด 8% จากการควบคุม SG&A ที่ทำได้ดี ขณะที่ปี 2567 ตลาดคาดผลประกอบการพลิกขยายตัว 13%YoY เด่นกว่าคู่แข่งที่โดยส่วนใหญ่ขยายตัวเพียงหลักเดียว หนุนจากการโอนคอนโดฯ ใหม่มากกว่าปีก่อนรวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากออสเตรเลียเพิ่มขึ้น
Catalyst ระยะสั้นอยูที่ทิศทางดอกเบี้ยฯที่ผ่านจุดสูงสุด รวมถึงความคาดหวังต่อมาตรการผ่อน LTV
ด้าน Upside ต่อประมาณการของตลาดคือการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ขณะที่ Downside Risk คือยอดโอนต่ำเป้า แต่ความเสี่ยงไม่มากเพราะมี Backlog รองรับยอดโอนปีนี้คิดเป็นสัดส่วน 43% ราคาหุ้นซื้อขายบน PER67E ถูกเพียง 6 เท่า Dividend Yield สูงที่ 6.4%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.00 บาท

BEM กำไรโตดี แถมมี Upside อีกมาก
BEM ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% หนุนหลักมาจากการเติบโตของผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่ได้แรงหนุนจาก 1) จำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นและการปรับราคาค่าโดยสารอีก 1 บาทเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ปีนี้ 2) ปริมาณผู้ใช้ทางด่วนที่คาดจะเร่งตัวขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 91% ของก่อน COVID-19 โดยแรงหนุนส่วนหนึ่งจะมาจากการฟื้นตัวตามภาคการท่องเที่ยว โดย Bloomberg Consensus คาดการเติบโตกำไรปกติปีนี้ขยายตัว 13%YoY
ภาพระยะกลางถึงยาวมองบวกจากโอกาสที่จะได้รับงานจากภาครัฐฯ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีม่วงใต้และทางด่วนชั้นที่ 2 ซึ่งจะเป็น Upside ต่อประมาณการของ Consensus ต่อไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 8.70 บาท

KEY FACTOR
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) ของไทย -0.77% YoY ติดลบเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน มาจากการปรับตัวลงของราคาอาหารสด เนื้อสัตว์ หลังปริมาณการผลิตสูงในเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งค่าไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล ที่ลดลง YoY ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) +0.43% ชะลอตัวลงจาก +0.52% YoY ในเดือนก่อนหน้า
กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์เงินเฟ้อเดือน มี.ค. มีโอกาสหดตัวต่อเนื่อง จากแรงหนุนมาตรการลดค่าครองชีพ ฐานของราคาอาหารสดในปีที่ผ่านมาค่อนข้างสูง
อัตราเงินเฟ้อที่แม้จะใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ CPI และ Core CPI ที่ -0.8% และ +0.48% ตามลำดับ แต่ยังถือว่าสะท้อนภาพความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยที่มีต่อเนื่อง น่าจะเพิ่มความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของไทยในการประชุม วันที่ 10 เม.ย.

Eyes on
6 มี.ค. การจ้างงาน ADP
7 มี.ค. ส่งออก/นำเข้าจีน, ประชุม ECB, GDP 4Q66 ของ Eurozone รอบสุดท้าย

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ