สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (27กุมภาพันธ์ 2567)-------ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (หรือ KTX) ที่ 'AA-(tha)' และ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ 'F1+(tha)' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตพิจารณาจากการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น: อันดับเครดิตของ KTX พิจารณาจากความคาดหวังของฟิทช์ว่า มีโอกาสสูงที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ('AAA(tha)'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานปรกติ (extraordinary support) แก่ KTX เมื่อเกิดสถานการณ์ที่มีความจำเป็น ทั้งนี้ฟิทช์ยังพิจารณาโครงสร้างเครดิตของKTX เปรียบเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศจากฟิทช์
ความสามารถในการสนับสนุนที่เพียงพอของผู้ถือหุ้น: ฟิทช์เชื่อว่า KTB จะมีความสามารถในการให้การสนับสนุนแก่ KTX จากการพิจารณาโครงสร้างเครดิตสกุลเงินในประเทศที่แข็งแกร่งของ KTB ซึ่งบ่งชี้จากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB และขนาดธุรกิจของ KTX ที่อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับธนาคารแม่ โดยอันดับเครดิตของ KTB พิจารณาจากการให้การสนับสนุนเป็นพิเศษจากรัฐบาล ซึ่งฟิทช์เชื่อว่า การสนับสนุนจากรัฐบาลน่าจะสามารถส่งผ่าน KTB ไปยัง KTX ได้ เนื่องจากความเชื่อมโยงระหว่างกันในด้านชื่อเสียงและด้านธุรกิจของทั้งสององค์กร นอกจากนี้ KTX ยังมีขนาดสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้นที่น้อยกว่า 1% เมื่อเทียบกับธนาคารแม่ ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2566 ดังนั้นการสนับสนุนช่วยเหลือไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถในการให้การสนับสนุนของ KTB
โครงสร้างการถือหุ้นจำกัดโอกาสในการได้รับการสนับสนุน: อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTX อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB อยู่ 3 อันดับ สะท้อนถึงการที่ฟิทช์เชื่อว่า สัดส่วนการถือหุ้นใน KTX ของ KTB ที่ 50% อาจจะเป็นปัจจัยจำกัดโอกาสที่ KTB จะให้การสนับสนุนแก่ KTX เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นที่มีธนาคารแม่เป็นผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมดและมีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตจากฟิทช์ นอกจากนี้ความแตกต่างของอันดับเครดิตระหว่าง KTX และ KTB ยังสะท้อนถึงการมีผู้ถือหุ้นอีกรายที่มีสัดส่วนการถือหุ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งก็คือบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการให้การสนับสนุนในการดำเนินงานตามปรกติ มีการสนับสนุนด้านการตลาดและกลยุทธ์ทางธุรกิจ รวมถึงการสนับสนุนด้านสภาพคล่อง
มีบทบาทสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารและมีการกำกับดูแลจากธนาคาร: KTX เป็นเพียงบริษัทเดียวที่ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของ KTB และมีการร่วมมือระหว่างกันในด้านการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ KTB มีการกำกับดูแลกิจการอย่างใกล้ชิดและมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์ธุรกิจของ KTX ผ่านตัวแทนของ KTB ที่ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการของบริษัท รวมไปถึงกรอบการกำกับดูแลกิจการที่ต้องได้รับการอนุมัติจาก KTB นอกจากนี้ KTB ยังให้การสนับสนุนด้านสภาพคล่องแก่ KTX ในกรณีที่มีความจำเป็น แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทนั้นยังพิจารณารวมไปถึงการมีตัวแทนที่มาจาก บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ด้วย
ความผันผวนของตลาดส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร: ความสามารถในการทำกำไรของ KTX ที่ค่อนข้างผันผวน สะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่ยังคงพึ่งพารายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีความอ่อนไหวและผันแปรตามความผันผวนของตลาดทุน ความสามารถในการทำกำไรของ KTX ปรับตัวอ่อนแอลงในปี 2566 โดยเป็นผลมาจากภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ภายในประเทศที่ซบเซาและปริมาณการซื้อขายที่ลดลง ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทน่าจะยังมีความผันผวนต่อเนื่อง แต่ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อโอกาสในการให้การสนับสนุนจากธนาคารแม่ ทั้งนี้ KTX ยังคงมีความสามารถในการทำกำไร แม้ว่าจะต้องเผชิญกับแรงกดดันของตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับลดลงของโครงสร้างเครดิตสกุลเงินในประเทศของ KTB ซึ่งบ่งชี้จากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB อาจจะนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตของ KTX ได้ โดยรายละเอียดเพิ่มเติมของการพิจารณาอันดับเครดิตของ KTB สามารถดูได้จาก 'ฟิทช์คงอันดับเครดิตของธนาคารกรุงไทยที่ 'BBB+' และ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ' ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2566
การปรับลดอันดับเครดิตของ KTX ยังอาจเกิดขึ้นได้หากโอกาสในการให้การสนับสนุนจาก KTB มีการปรับด้อยลง เช่นการปรับลดลงอย่างมากของสัดส่วนการถือหุ้นและอำนาจในการควบคุมบริหารงานในบริษัทหลักทรัพย์ หรือการปรับด้อยลงของการผสานงานและความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจระหว่างบริษัทและธนาคาร ซึ่งจะส่งผลให้ฟิทช์อาจต้องทบทวนพิจารณาอันดับเครดิตจากการปรับด้อยลง โดยหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ฟิทช์อาจจะทำการประเมินอันดับเครดิตของบริษัทบนโครงสร้างเครดิตของตัวบริษัทเอง (stand-alone credit profile) ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตลงหลายอันดับในคราวเดียว แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับตัวดีขึ้นของโอกาสที่ KTB จะให้การสนับสนุนแก่ KTX จะส่งผลในเชิงบวกต่ออันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTX โดยตัวอย่างของเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ ในกรณีที่ KTB มีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน KTX ที่มากกว่า 75% ควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงของการดำเนินงานและการควบคุมในการบริหารงานที่มากขึ้น
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ KTX ไม่น่าจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับขี้นได้อีก เนื่องจากอยู่ในระดับสูงสุดของอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว
หุ้นกู้และตราสารหนี้อื่น: ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ KTX ถูกจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท
หุ้นกู้และตราสารหนี้อื่น: ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศของ KTX จะส่งผลในลักษณะเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัท
อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ KTX มีความเชื่อมโยงกับโครงสร้างเครดิตสกุลเงินในประเทศของ KTB ซึ่งบ่งชี้ได้จากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารแม่