AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ยังแกว่งในกรอบ
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
คาด SET Index วันนี้แกว่งตามกรอบ 1375-1395จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลง -0.2% ถึง -0.9% กดดันหลักมาจากกลุ่มเทคนำโดย NVIDIA -4.4% จากแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการรายงานงบวันนี้ ขณะ ที่ราคาน้ำมันดิบปรับลง -1% จากความกังวลต่อฝั่งอุปสงค์ที่ IEAเผยคาดการอุปสงค์การใช้น้ำมันปีนี้เพิ่มขึ้น 1.2 mbpd จากปีก่อนเพิ่มขึ้น 2.3 mbpd สภาพแวดล้อมข้างต้นเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ของเรา
ปัจจัยในประเทศการรายงานผลประกอบการและการประกาศจ่ายปันผล จะมีน้ำหนักขับเคลื่อนราคาหุ้นซึ่งบริษัทที่น่าสนใจมองไปที่ MTC เผยกำไร 4Q66 ที่ดีกว่าเราและตลาดคาด โดยขยายตัวได้ทั้ง 5%QoQ และ 19%YoY ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังควบคุมได้ดี ด้าน SCB ประกาศจ่ายปันผล 7.84 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 7.54% ซึ่งมากกว่าคาดเช่นกัน ทำให้หุ้นในกลุ่มการเงิน (ไฟแนนซ์+ธนาคารพาณิชย์) จะตอบรับเชิงบวกช่วยประคองตลาด
ด้าน Fund Flow ต่างชาติเริ่มขาดความต่อเนื่องหลังวานนี้กลับมาขายสุทธิ 74.5 ล้านบาท และ Short ใน SET50 Futures 1.58 หมื่นสัญญา กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Summary
SET Index ปรับลง 6.26 จุด แรงกดดันหลักมาจากกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์จากแนวโน้มไตรมาส 1Q66 ชะลอตัว โดย DELTA -4.2% HANA -4.4% และ KCE -3% ตามด้วยกลุ่ม ICT INTUCH -4% จากการขึ้น XD ส่วนกลุ่มที่ขึ้นสวนตลาด นำโดย CPAXT +4.6% และ CPALL +2.7% จากผลประกอบการที่มีแนวโน้มขยายตัวดี

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ SCB SISB

SISB (ลุ้น) กำไร New High
กำไร 4Q66 มีโอกาสทำระดับ All Time High รายไตรมาสหนุนจากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น ,ไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือน 3Q66, และรับรู้รายได้การขึ้นค่าเทอมเต็มไตรมาส
ขณะที่ 2567 ทิศทางกำไรยังมีแนวโน้มขยายตัวจากความต้องการเรียนในโรงนานาชาติ ที่อยู่ในระดับสูง โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรหลักขยายตัว 36%YoY
ปัจจัยบวกระยะสั้นธุรกิจได้ประโยชน์จากDemand ที่เพิ่มขึ้นมาตรการ FREE VISA ระหว่างไทย-จีน จะทำให้การเดินทางระหว่าง 2 ประเทศเป็นไปได้ง่ายขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 41.50 บาท

SCB ยืน 1 เรื่องปันผล
SCB ประกาศเงินจ่ายปันผลที่ 7.84 บาท/หุ้น หรืออัตราการจ่ายปันผลที่ 7.54% ซึ่งถือว่ามาแรงแซงทุกสถาบันการเงินในประเทศในเรื่องการจ่ายปันผลงวด 2H66 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 เม.ย.
มองระดับการจ่ายปันผลสูงข้างต้นถือว่ามากกว่าที่เราและตลาดคาด จึงเชื่อว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวกในวันนี้ ส่วนระยะถัดไป(จนถึงวัน XD) ด้วยอัตราการจ่ายปันผลที่สูงจะเป็นปัจจัยที่ค้ำให้ Downside ในการปรับลงจำกัด
ปี 2567E เราคาดการเติบโตอยู่ที่ 8%YoY ทำให้การรักษาปันผลระดับสูงยังมีต่อไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 103.50 บาท

KEY FACTOR
PBoC ปรับลดดอกเบี้ย Loan Prime Rate (LPR) อายุ 5 ปี ลงจากระดับ 4.2% เหลือ 3.95% (ลดลง 25 bps) (ลงมากกว่า Consensus ที่คาด -10 bps สู่ระดับ 4.1%) แต่ยังคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี ที่ 3.45% (Consensus คาด ปรับลด -5 bps สู่ 3.40%) ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้ออสังหาฯ ลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการต่อเนื่องที่หวังพยุงตลาดอสังหาฯ กระตุ้น Demand ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนคงโมเมนตัมบวก +0.42% รวมสองวันหลังกลับมาเปิดหลังตรุษจีน +1.98%
อย่างไรก็ดีทิศทาง Fund flow ที่ซื้อหุ้นไทยเข้ามาสองวันก่อนหน้า พลิกกลับมาเป็นขายสุทธิ -74.48 ลบ. แม้จะไม่สูงแต่สะท้อนความไม่ต่อเนื่องและยังขาดความเชื่อมั่น เช่นเดียวกับทิศทางค่าเงินบาท (USDTHB) ที่ย้อนกลับมายืนบริเวณ 36 บาท หลังจากที่เมื่อวานแข็งค่าลงไปแตะ 35.6 บาท/ดอลลาร์

Eyes on
ในสัปดาห์ การรายงานงบ 4Q66, ตลาดหุ้นจีนกลับมาเปิดทำการหลังหยุดยาวตรุษจีน
20 ก.พ. จีนกำหนดดอกเบี้ย LPR 1 ปี และ 5 ปี
22 ก.พ. รายงานการประชุม FOMC, S&P Global PMI สหรัฐฯ, HCOB PMI Eurozone

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ