AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ลุ้นรีบาวน์
กลยุทธ์เลือกหุ้นคาดถูก Cover Short

Market Strategy
คาด SET ลุ้นรีบาวน์ 1385-1400 จุด วานนี้ตลาดหลักทรัพย์เผยผลการศึกษา Short Selling และ Program Trading ระยะถัดไปมีโอกาสเพิ่มกลไกการควบคุมธุรกรรมที่ไม่เหมาะสมเพื่อลดความผันผวน มองในระยะสั้นเป็น Sentiment บวก โดยเฉพาะหุ้นที่ถูก Short Sales ในระดับสูงและปรับลงแรงตั้งแต่ต้นปี (SCC KBANK) มีโอกาสที่ถูก Cover Short กลับ ส่วนระยะกลาง-ยาวติดตามมาตรการที่เป็นรูปธรรมต่อไป

ด้านปัจจัยต่างประเทศวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกลบผสมผสานในช่วง -0.3%ถึง +0.3% จากการติดตามการรายงานเงินเฟ้อเดือน ม.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัว 2.9%YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 3.8%YoY

ส่วนประเด็นอื่นๆ เช้านี้ (13 ก.พ.) MSCI ประกาศหุ้นเข้า-ออกในการคำนวณดัชนีรอบเดือน ก.พ. 67 สำหรับดัชนี MSCI Global Standard หุ้นเข้าไม่มี หุ้นออก BANPU BJC OSP ดัชนี MSCI Global Small Cap หุ้นที่เข้า BANPU OSP GLOBAL SKY TISCO ส่วนหุ้นที่ออก BEC SUPER หุ้นที่ถูกคัดเข้าเรามองได้ Sentiment บวก (ชอบ GLOBAL TISCO) ส่วนหุ้นที่ออกอาจเห็นแรงขายจากการปรับน้ำหนัก กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ยังเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Summary
SET Index แกว่งผันผวนในกรอบแคบตามมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง 2.5 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นที่หนุนตลาด AOT +1.16% บนภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว CRC +3% จากบริษัทให้ภาพการเติบโตของธุรกิจ GPSC 2.45% จากตลาดให้น้ำหนักกับผลประกอบการที่ขยายตัวในปี 2567 ส่วนกลุ่มที่กดดันตลาดเป็นกลุ่มพลังงาน -0.4% จากแรงขายทำกำไร

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CK KBANK

KBANK น่าลุ้น Cover Short
ตลาดหลักทรัพย์เผยแพร่ผลการศึกษา Program Trading และ Short Selling ที่มีโอกาสออกเกณฑ์ควบคุมที่เข้มงวดขึ้น มองเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่ถูก Short Sales ในระดับสูงจะมีโอกาสถูก Cover Short ซึ่ง KBANK เข้าข่ายเนื่องจากมี %Volume Short Sales ตั้งแต่ต้นปีสูงที่ 17%(ค่าเฉลี่ยของ SET Index อยู่ที่12%) ขณะที่ราคาหุ้นปรับลงแรง 10% มากกว่า SET -1.9% ตอบรับผลประกอบการที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดไปมาก
ขณะที่ระยะถัดไปจะเข้าช่วงจ่ายปันผล2H66 ซึ่งคาดปันผลที่ 3.7% เป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นต่อไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 130 บาท

CK แกร่งสุดกลุ่มรับเหมาฯ
ปี 2566 เราคาดกำไรปกติ 1,596 ล้านบาท เติบโตสูง 81% YoY จากการรับรู้งานโรงไฟฟ้าหลวงพระบางที่เร่งตัวมากขึ้น และ 2567 คาดกำไร 2,077 ล้านบาท เติบโตสูง 30% YoY หนุนจากส่วนแบ่งกำไรของ BEM และ CKP ที่เติบโต
โครงการที่คาด CK จะได้งานในอนาคต คือ 1) รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกงานโยธา 2) ทางด่วนสองขั้นงามวงศ์วาน-พระรามเก้า 3) รถไฟทางคู่ขอนแก่นหนองคาย และ 4) ทางด่วน จตุโชติ-ลำลูกกา รวมแล้วจะช่วยเพิ่ม Backlog ขึ้นมากกว่า 3 แสนล้านบาทและยังมีโอกาสประมูลงาน AOT ปีนี้ (โปรเจ็ค East Wing, ดอนเมืองเฟส 2) นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากราคา cement เหล็กที่ถูกลงทำให้บริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 26.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหลักทรัพย์พิจารณาการออกมาตรการ และเกณฑ์เพิ่มเติมประเด็นการ Short selling และ Program Trading ให้เทียบเคียงกับภูมิภาค หรือ ตลาดที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไทย (Peers Exchange) คาดเป็นปัจจัยหนุนให้มีแรง Cover Short หุ้นที่มีปริมาณ Short สะสมสูง และราคาหุ้นปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่จะรายงานคืนนี้ (13 ก.พ.) Consensus คาดเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) +2.9% YoY และ +0.2% MoM ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) +3.7% YoY และ +0.3% MoM สะท้อนภาพเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องในเดือน ม.ค. และช่วยให้ตลาดคาดหวังต่อการเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลง

Eyes on
ในสัปดาห์ การรายงานงบ 4Q66
13 ก.พ. CPI สหรัฐฯ, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย
14 ก.พ. GDP Eurozone
15 ก.พ. ยอดค้าปลีก, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ
16 ก.พ. PPI สหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ