AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งในกรอบ
กลยุทธ์ Selective Buy หุ้นที่กำไรเติบโต

Market Strategy
คาด SET แกว่งตามกรอบ 1390-1405 จุด โดยวันนี้ปัจจัยหลักจับตาการประชุม กนง. ต่อการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กระแสกดดันการปรับลดดอกเบี้ยฯ แต่อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลการประชุมรอบนี้จะยังคงดอกเบี้ยฯ แต่สิ่งที่ติดตาม คือการส่งสัญญาณดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายในระยะถัดไปและการปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 2566/67 ที่ปัจจุบันคาดขยายตัว 2.4%YoY และ 3.2%YoY

กระทรวงท่องเที่ยวรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างวันที่ 29 ม.ค.–4 ก.พ. อยู่ที่ 7.7 แสนรายเพิ่มขึ้น 5.9%WoW โดยนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากที่สุด 1.7 แสนราย เพิ่มขึ้น 25%WoW เป็นบวกต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศเราชอบ AOT CPALL SPA ICHI

ด้านปัจจัยต่างประเทศฝั่งสหรัฐฯ ตลาดหุ้นยืนแดนบวกอ่อนๆ จากตลาดอยู่ในช่วงปรับมุมมองการปรับลดดอกเบี้ยฯ ช้าลง ขณะที่ฝั่งจีนมีสัญญาณบวกจากมาตรการสร้างเสถียรภาพต่อตลาดหุ้นที่เชื่อว่าจะช่วยจำกัด Downside ต่อตลาดหุ้นจีนและเป็นบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาค กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่คาดกำไรเติบโตดี

Market Summary
SET Index ปรับขึ้นแรงจาก Fund Flow ที่ถาโถมเข้ามา 3.6 พันล้านบาท หนุนดัชนี +13.03 จุดหรือคิดเป็น 0.94% แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่ม SET50 ที่ปรับขึ้นแรง 1.05% จาก DELTA +2.8% AOT +1.18% CPALL +1.8% และ TRUE + 4% ส่วนกลุ่มที่ลงแรงสวนตลาด BCH -3% และ CHG -2.6% บนความกังวลต่อผลประกอบที่อาจถูกกระทบจากตั้งสำรองจากประเด็นสำนักงานประกันสังคม ขอปรับลดค่า RW ปี 2565

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CK GULF

GULFหลายปัจจัยหนุน
การรายงานผลประกอบการ 4Q66 เราคาดกำไรหลักอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท ขยายตัว 40%YoY หนุนจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นซึ่งถือว่าเด่นที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราศึกษา ขณะที่กำไรปี 67 เราคาดขยายตัวได้อีก 20%YoY

ระยะสั้นเรามองมี 2 ปัจจัยบวกหนุนเพิ่มเติมคือ 1) ทิศทาง Fund Flow ที่ไหลเข้าเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่ม Market Cap ใหญ่ และ 2) โอกาสถูกCover Shot หลังจากตั้งแต่ต้นปีมีปริมาณ Short Sales (รวม NVDR) ที่ระดับ 19% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 11.5%)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 56.50 บาท

CK Best Pick กลุ่มรับเหมาฯ
เราชอบ CK มากที่สุดในกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่จาก 1) Backlog ที่อยู่ระดับสูง 1.37 แสนล้านบาท (เทียบกับคู่แข่งอย่าง Backlog อย่าง STEC 1 แสนล้านบาท) 2) เป้าหมายการรับรู้รายได้ปี 66 ที่สูง 3.6 – 3.7 หมื่นล้านบาท และจะเร่งตัวขึ้นในปีนี้โดยที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับทรงตัว/มากกว่า 7% (กำไรขั้นต้น STEC คาดที่ 5%) 3) การเติบโตของกำไรปี 66/67 ที่ 81%/30%YoY(เทียบกับ STEC หดตัวที่ -25.9%/-2.2%YoY)
งานประมูลในปี 2567-68 ทาง CK คาดจะมีมากขึ้น หลังจากได้รัฐบาลใหม่ และ มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 โดยมีโครงการที่จะเปิดประมูลรวมมูลค่า 5.5 แสนล้านบาท เป็นปัจจัยบวกหนุนต่อราคา
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 26.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจาก sentiment จีน ที่ส่งสัญญาณยกระดับมาตรการพยุงหุ้นที่เข้มงวดขึ้น ผสานกับมีรายละเอียดเพิ่มเติมที่มีความชัดเจนขึ้น ในขณะที่ความต่อเนื่องของโมเมนตัมการฟื้นตัวในเอเชียน่าจะให้น้ำหนัก จับตาการรายงาน CPI และ PPI ของจีน (8 ก.พ.) โดย Consensus คาดที่ระดับ -0.5% YoY และ -2.6% YoY ตามลำดับ หากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาดอาจเป็นปัจจัย ที่สร้างความคาดหวังต่อเนื่องต่อการฟื้นตัวได้
ส่วนในประเทศ ติดตามการประชุม กนง. ซึ่งคาดว่า ธปท. จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.5% พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2566 ลง แต่สำหรับปี 2567 อาจได้แรงหนุนจากฐานที่ถูกปรับต่ำลง อย่างไรก็ตามตลาดน่าจะให้น้ำหนักจำนวนคณะกรรมการที่โหวตคงดอกเบี้ย และการส่งสัญญาณต่อทิศทางดอกเบี้ยและมุมมองเศรษฐกิจปีนี้มากกว่า

EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบ 4Q66
7 ก.พ. การประชุม กนง.
8 ก.พ. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ, CPI ของจีน

กลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ