AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ออกข้าง
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
คาด SET Index แกว่งตามกรอบ 1360-1375 จุด การรรายงานดัชนี Core PCE สหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ขยายตัว 2.9%YoY ลดลงจากเดือนก่อน 3.2%YoYและต่ำกว่าตลาดคาด 3.0%YoY ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจผ่านมาที่ดีกว่าคาดทั้ง GDP ตัวเลขภาคแรงงาน โดยที่เงินเฟ้อค่อยๆปรับลง ล่าสุดตลาดเลื่อนโอกาสลดดอกเบี้ยฯของ FED ไปที่เดือน พ.ค. (จากเดิม มี.ค.) ซึ่งต้องติดตามการส่งสัญญาณผ่านการประชุม FED ที่จะรู้ผลช่วงเช้า 1 ก.พ.ต่อไป ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งทรงตัวให้น้ำหนักไปที่การรายงานงบ

จีนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาประกาศห้ามให้ยืมหุ้นบางหลักทรัพย์รวมถึง Strategic Investors ไม่สามารถให้ยืมสำหรับการ Short Selling มีผลวันนี้ ซึ่งมาตรการถือว่าออกมาต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนที่ออกมาตรการพยุงหุ้นและลด RRR ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนต่อของตลาดหุ้นจีน สถานการณ์ดังกล่าวเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นหุ้นภูมิภาคและบ้านเรา

ส่วนบ้านเราการรายงานยอดส่งออกเดือน ธ.ค. 66 ขยายตัว 4.7%YoY ต่ำคาด 6.4%YoY ทำให้ทั้งปีหดตัว -1%YoY กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกปีนี้กลับมาขยายตัว 1-2%YoY ด้านมาตรการท่องเที่ยวล่าสุดลงนาม Free VISA กับจีนเริ่ม 1 มี.ค. 67 แต่ Fund Flow ที่ไหลออกทำให้การขึ้นของ SET จำกัด กลยุทธ์ Selective Buy

Market Summary
SET Index ปรับลง -7.94 จุด หรือ -0.58% หุ้นปรับลงหลายบริษัทฯ มาจากความกังวลต่อผลประกอบการ 4Q66 ที่ต่ำกว่าตลาดคาดรวมถึงทิศทาง Fund Flow ไหลออก กลุ่มค้าปลีกที่ -1.61% จาก HMPRO -2.8% กลุ่ม ร.พ. -0.95% จาก BCH -1.32% ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นดีกว่าตลาดกลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.6% จากแรงซื้อคืนของ SCC และกลุ่มรับเหมาฯ ที่รีบาวน์ +0.22%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ PTTEP TRUE

TRUE คาดผลการดำเนินงานจะดีขึ้น
คาดว่าผลขาดทุนหลักจะลดลงเหลือ 1.7 พันล้านบาทในไตรมาส 4/66E จาก 1.9 พันล้านบาทในไตรมาส 3/66 อันเป็นผลจากการเติบโตของรายได้ 0.5% QoQ และการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ (พนักงาน จำนวนสาขา จำนวนเสาโทรคมนาคมที่ใช้) อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เราคาดการณ์ผลขาดทุนสุทธิหลักลดลงเหลือ 2.6 พันล้านบาทในปี 67E จาก 7.6 พันล้านบาทในปี 66E โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ 1% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ไม่รวมค่าเสื่อมลดลง 2% ในปี 67E
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 7.50 บาท

PTTEP งบ 4Q66 ไม่เด่นไม่เป็นปัญหา
เรามองบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ยังยืนในระดับสูงจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดและความตึงเครียดในตะวันออกที่ความไม่แน่นอนยังสูง
สถานการณ์ข้างต้นบวกต่อ PTTEP ที่แม้ว่างบ 4Q66E มีโอกาสชะลอตัว QoQ จากการตั้งค่าด้อยค่าโครงการ Mozambique LNG แต่ตลาดน่าจะดูดซับความกังวลดังกล่าวไปในราคาหุ้นแล้ว ซึ่งจะมีน้ำหนักน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานระยะยาวจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตจากการต่ออายุสัญญาในอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งก๊าซเอราวัณ ราคาหุ้นซื้อขายอยู่ที่ PER ปี 67E ที่ 7.8 เท่า ไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 11 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 194.00 บาท

KEY FACTOR
ในสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะกลับมาให้น้ำหนักกับการประชุม FOMC ครั้งแรกของปี 2567 ซึ่งนักลงทุนน่าจะจับตาการส่งสัญญาณของ Fed ต่อมุมมองดอกเบี้ยระยะยาว หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้ดีเกินคาด GDP ปี 2566 ขยายตัว +2.5% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อ (PCE) เดือน ธ.ค. ชะลอตัวลงเหลือ +2.6% YoY ส่วน Core PCE +2.9% YoY ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ เม.ย. 2565 ทั้งนี้ ประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่มุมมองตลาดจะปรับลดโอกาสการเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลงในเดือน มี.ค. และอาจกระทบต่อ Risk sentiment
นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของจีน PMI ภาคการผลิต (Consensus คาด 49.2) และภาคบริการ (Consensus คาด 50.6) ส่วน Caixin ภาคการผลิต (Consensus คาด 50.9)

Eyes on
ในสัปดาห์ การรายงานงบ 4Q66
30 ม.ค. GDP Eurozone, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ
31 ม.ค. การจ้างงานเอกชน ADP, PMI ภาคการผลิตและบริการจีน
1 ก.พ. ประชุม FOMC, ISM ภาคการผลิต, เงินเฟ้อและอัตราการว่างงาน Eurozone, จีน
2 ก.พ. การจ้างงาน Caixin PMI การผลิตนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ