สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (25 มกราคม 2567)--- นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) MST เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับปี2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 364.91 ล้านบาท ลดลง 263.32 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ41.91 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 628.23 ล้านบาท บริษัทฯ จึงใคร่ขอขี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่มีสาระสำคัญดังนี้

1.รายได้ค่านายหน้าลดลง 466.41 ล้านบาท จาก 1,648.83 ล้านบาท เหลือ 1,182.42 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ28.29 เนื่องจาก

1.1 รายได้คำนายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 482.27 ล้านบาท จาก 1,492 ล้านบาท เหลือ 1,009.73ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 32.32 อันเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ลดลงจาก 76,772.85 ล้านบาท/วัน เหลือ 53,331.30 ล้านบาท/วัน หรือลดลงร้อยละ 30.53 และสัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทลดลงจากร้อยละ 39.02 เหลือร้อยละ 33.82 อันเป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลลดลงจาก 29,957.14 ล้านบาท/วัน เหลือ 18,033.25 ล้านบาท/วัน หรือลดลงร้อยละ39.80

1.2 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 15.86 ล้านบาท จาก 156.83 ล้านบาท เป็น172.69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.11

2. รายได้ค่าธรมเนียมและบริการลดลง 103.22 ล้านบาท จาก 251.68 ล้านบาท เหลือ 148.46 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 41.01 เนื่องมาจาก ค่าธรรมเนียมจากกาจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ลดลง 58.13 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินลดลง 43.73 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นลดลง 5.12 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าธรรมเนียมจากการขายและการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 3.76 ล้านบาท

3. รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 379.99 ล้านบาท จาก 1,026.97 ล้านบาท เป็น 1,406.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เนื่องมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 164.13 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น 144.53 ล้านบาท กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 41.21 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 30.12 ล้านบาท

4. ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 134.73 ล้านบาท จาก 2,142.96 ล้านบาท เป็น 2,277.69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.29เนื่องมาจาก ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 206.94 ลัานบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 49.29ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น 8.30 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 108.54 ล้านบาทและ ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายลดลง 21.26 ล้านบาท

5. ภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 61.05 ล้านบาท จาก 156.30 ล้านบาท เหลือ 95.25 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 39.06เนื่องมาจากการลดลงของกำไรก่อนคำใช้จ่ยภาษีเงินได้