Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

209

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 22 ม.ค.67 ปิด -12.59 จุด อยู่ที่ 1,369.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,505 ลบ.ต่างชาติขาย 4,001 ลบ.สถาบันขาย 668 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 61 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 1,190 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น TTB,OSP,BBL,CRC,WHA และมียอดขายสุทธิ KTB,KBANK,GULF,ADVANC,PTT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 6,798 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ HKTECH13,JAPAN13,GUNKUL-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 15,626 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 105,280 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 896 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.77%, S&P500 +0.22%, Nasdaq +0.32% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี & เซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่ Conference Board เผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐ ธ.ค. ปรับดีขึ้น -0.1% & พ.ย. -0.5% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.77% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +2.1% และรอผลการประชุม ECB วันพฤหัสนี้      

 Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500 ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเป็นวันที่ 2 ได้แรงหนุนจากกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เช่น NVIDIA +0.3% ปิดทำ New High โดยสัปดาห์นี้รอรายงานกำไร Q4/66 ของ บจ.สหรัฐ เช่น Netflix, Tesla, Intel, J&J ซึ่ง LSEG คาดกำไร Q4/66 บจ.ใน S&P500 จะเพิ่มขึ้น +4.5% YoY ได้แรงหนุนจากกำไรกลุ่มเทคโนโลยี & บริการสื่อสารคาด +3.5% YoY เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ วันพฤหัส US GDP Q4/66 คาด +2.0% & Q3/66 +4.9% QoQ และวันศุกร์ US PCE ธ.ค. คาดทรงตัวที่ 2.6% YoY เป็นดัชนีที่เฟดใช้วัดเงินเฟ้อ ก่อนการประชุมเฟดวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งคาดเฟดจะคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม 5.25 – 5.5% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย ASML บริษัทผู้ผลิตชิปเนเธอร์แลนด์ +3.1% หลังโบรกเกอร์แนะนำซื้อลงทุน และได้แรงหนุนจาก German Bond Yield 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 2.26% ก่อนการประชุม ECB ในวันพฤหัส ซึ่งรอถ้อยแถลงของ ปธ.ECB ว่าส่งสัญญาณเริ่มลดดอกเบี้ยกลางปีนี้หรือไม่ ฝั่งเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ & ฮั่งเส็งปรับลดลง 2% กว่า หลัง ธ.กลางจีนคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ที่ 3.45%, 4.2% ตามลำดับ ส่งผลให้ตลาดกังวลรัฐบาลจีนอาจมีข้อจำกัดในการใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป วันนี้ติดตามการประชุม BOJ ซึ่งคาดจะยังคงนโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษต่อไป สำหรับดัชนี SET วานนี้ -0.91% ปริมาณการซื้อขาย 5.1 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 4.0 พัน ลบ. สถาบันขาย 668 ลบ. รายย่อยซื้อ 4.6 พัน ลบ. ดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มธนาคาร หลังรายงานกำไร Q4/66 ของ KTB, KBANK ต่ำกว่าคาด เนื่องจากยังต้องสำรองด้านเครดิตในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ , SME มีแนวโน้มผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อไปยังกลุ่มไฟแนนท์ด้วย ขณะที่กลุ่มค้าปลีกถูกแรงขาย หลังโครงดิจิทัล วอลเล็ต ยังไม่มีกำหนดที่ขัดเจนว่าจะเริ่มได้เมื่อไร ส่งผลลบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคใน Q1 – Q2/67 สัปดาห์นี้รอรายงานกำไร Q4/66 ของ SCC คาดชะลอตัว QoQ เป็นผลจากการปิดซ่อมโรงงานโอเลฟินส์ และการตั้งด้อยค่าโรงปูนซีเมนต์ในพม่า ส่วนประเด็นเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม ครม.สัญจรที่ระนองจะหารือโครงการแลนด์บริดจ์

Daily Strategy

  • ประเมินดัชนี SET เคลื่อนในกรอบ 1,360 – 1,380 คาดได้แรงหนุนกลุ่มพลังงาน ระหว่างรอรายงานกำไร บจ. และผลการประชุม BOJ,ECB แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย & ปันผล เช่น BH, BDMS, TCAP, CPN / เก็งกำไรหุ้นมีสัญญาณทางเทคนิค เช่น ICHI, UVAN
  • COCOCO* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.60 บาท) บริษัทคาดรายได้ปีนี้เติบโต 30%YoY เป็นไปตามทิศทางของคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง (ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าว กะทิ น้ำมะพร้าว) โดยฐานลูกค้าของ COCOCO มาจากต่างประเทศ 90 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนหลักๆ มาจากการขยายกำลังการผลิตน้ำมะพร้าวบรรจุกล่อง ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาได้เริ่มติดตั้งเครื่องจักรใหม่ตามแผนที่โรงงานราชบุรี (สิ้นปี 65 กำลังการผลิต 34 หมื่นตัน/ปี สิ้นปี 66 กำลังการผลิต 1.1 แสนตัน/ปี) ทำให้กำลังการผลิตใหม่เพิ่มจาก 1.1 แสนตัน/ปี เป็น 2.18 แสนตัน/ปี ในปี 67-69 เพื่อรองรับการขยายตลาดจีน ทั้งนี้จาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 66-67 ที่ 511 ล้านบาท +117%YoY และ 727 ล้านบาท +49%YoY
  • HUMAN* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 30 บาท) กำไรสุทธิงวด 9M66 อยู่ที่ 217.88 ลบ. +126%YoY เติบโตได้ดีตามรายได้(+32%YoY) ที่ขยับขึ้นจาก 1.การควบรวม DataOn (Hr Tech ใน อินโดฯ/ พ.ค.65) 2.Recurring Incomeที่สูงขึ้น-รายได้ที่เกิดขึ้นประจำค่าซอฟต์แวร์ (SaaS Model)/ค่าบริการรับช่วงจัดทำเงินเดือน สำหรับการดำเนินงานในช่วงถัดไป ผู้บริหารเองวางเป้ารายได้ปี2567 จะโตราว +15%YoY จากการขยายบริการของบ.และยังเดินหน้าในการเปิดให้บริการซอฟต์แวร์ใหม่ๆ รวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยให้การทำงานของลูกค้าง่ายขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ที่ 290 ลบ.(+61%YoY) และ 352 ลบ.(+21%YoY)

 

 

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ก.พ. +$1.78 อยู่ที่ $75.19/บาร์เรล Brent มี.ค. +$1.50 อยู่ที่ $80.06/บาร์เรล หลังยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงงานน้ำมันรัสเซีย โนวาเทค ส่งผลให้ต้องระงับการส่งน้ำมันจากสถานีอูสต์ – ลูกาในทะเลบอลติก

 

Gold Update(-) Comex Gold ก.พ.-$7.10 อยู่ที่ $2,022.20 /ออนซ์ หลังตลาดคาดมีโอกาสที่เฟดจะยังคงดอกเบี้ยในการประชุม ม.ค.และ มี.ค. นี้

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ
-130.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ   ขายหุ้นไทย -112.40 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด ฯ -19.74 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +1.73 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 35.59 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.098 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +15 จุด อยู่ที่ 1,518

(-) BitCoin เช้านี้ -3.79% อยู่ที่ 39,797 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

31 ม.ค.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4  ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม   

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

 

ต่างประเทศ

24 ม.ค.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ม.ค.) 

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ม.ค.) 

                US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

25 ม.ค.     EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป 

                EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ม.ค.)

US ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (เดือนต่อเดือน) (ธ.ค.)

US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 4) 

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค.)

26 ม.ค.     US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index (ธ.ค.)

                 

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย 

(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค  ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT, HMPRO, ILM, CPN, CRC, MC, KAMART, CBG, ICHI, RBF 

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66  AAI, ITC, TU, COCOCO, SAPPE, DELTA, KCE, EPG, NYT, SJWD 

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT, CENTEL, ERW, SPA, SISB, WPH 

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC, TIDLOR 

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM, GPSC 

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio January 2024: MENA*, TU*, ITC*, RBF*, CBG*

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หุ้นใหญ่ฟื้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองเห็นหุ้นใหญ่หลายตัว ฟื้นตัว เนื้อตัวเต็มไปด้วยแสง สีเขียว ตามตลาดสหรัฐบวก ....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้