AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักตัว
กลยุทธ์ Selective Buy

Market Strategy
คาด SET Index พักตัวตามกรอบ 1370-1390 จุด สภาพแวดล้อมที่มีน้ำหนักในทางลบ เริ่มจากจีนที่ตลาดยังกังวลต่อการฟื้นตัวช้าหลังวานนี้รายงาน GDP4Q66 อยู่ที่ 5.2%YoY ต่ำกว่าตลาด 5.3%YoY และรายงานยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. ที่ขยายตัว 7.4%YoY ต่ำกว่าตลาด 8%YoY แม้ว่าตัวดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาขยายตัว 0.98%YoY ดีกว่าเดือนก่อนก็ตาม

ฝั่งสหรัฐฯยังวนเวียนกับเรื่องการปรับความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยฯของ FED หลังการรายงานยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. ที่ 0.6%MoM ดีกว่าคาด 0.4%MoM ยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 0.1%MoM มากกว่าตลาดคาดทรงตัว โดย FEDWATCH TOOL ให้โอกาสการปรับลดดอกเบี้ยเดือน มี.ค. อยู่ที่ 58% ลดลงจากวันก่อนที่ 63% ส่งผลต่อ U.S. Bond Yield 10 ปัเพิ่มขึ้นมายืนที่ 4.1% ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลง -0.3% ถึง -0.6% และ Dollar Index แข็งค่ามาที่ 103.4 จุด

ส่วนปัจจัยในประเทศ Sentiment ลบจากมาตรการ Digital Wallet เสี่ยงเลื่อนจากกำหนดการเดิมช่วง พ.ค.67 รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าโดยเช้านี้ขยับมาที่ 35.58 บาท/หุ้น กดดันต่อทิศทาง Fund Flow กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Summary
SET Index ปรับลง 1.5% จากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนักมาก 5.75 พันล้านบาท กดดันหุ้นปรับลงในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง -2.8% จาก SCC -3.9% งบ 4Q66 มีโอกาสพลิกขาดทุน กลุ่มนิคม AMATA -7.5% WHA -5.4% จาก KIA เลิกแผนสร้างโรงงานในไทย ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้นสวนตลาดตัวเด่น TU +2.7% จากมุมมองต่อการเติบโตในอนาคตหลังถอนลงทุน Red Lobster

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ AOT TISCO

TISCO ยืนหนึ่งเรื่องปันผล
แม้ว่าทิศทาง NPL ยังมีแนวโน้มปรับขึ้นตามอุตสาหกกรรม แต่น่าจะแบบค่อยเป็นค่อยไป และด้วย Coverage Ratio 4Q66 อยู่ระดับสูง 190% ทำให้มีความสามารถในการบริหารจัดการ Credit Cost ซึ่งจะลดความเสี่ยงด้านความผันผวนของผลประกอบการ
ด้านการจ่ายปันผลในช่วง 2H66E ที่คาดจ่ายที่ 6 บาทต่อหุ้นและปี 67 อยู่ที่ 8 บาท/หุ้นหรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลที่ 6.1% และ 8.2% เป็นตัวช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น
ทิศทางดอกเบี้ยฯที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยฯในปีนี้มองเป็นปัจจัยบวกต่อ NIM ช่วง 2H67
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 108.0

AOT นักท่องเที่ยวฟื้นหนุนราคา
กองเศรษฐกิจท่องเที่ยวฯ รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 8-14 ม.ค. ที่ 6.94 แสนราย เพิ่มขึ้น 28%WoW โดยสัญญาณบวกจากนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเป็นอันดับ 1 ที่ 1.05 แสนราย ใกล้เคียงกับช่วง Golden Week ที่ 1.06 แสนราย ระยะถัดไปเชื่อว่าจะเห็นการเร่งตัวขึ้นจากการเข้าช่วงตรุษจีนเป็นปัจจัยหนุนต่อรายได้ของ AOT
ขณะที่กำไร 1Q67E (ต.ค.-ธ.ค.66) เชื่อว่าจะขยายตัว QoQ ตามการเพิ่มของนักท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season รวมถึงประโยชน์จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่ลดลงตามผลของฤดูกาล
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 64.00 บาท

KEY FACTOR
สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับฐานหลังมีสัญญาณ Hawkish มุมมองการลดดอกเบี้ยของตลาดเริ่มขยับเข้าหามุมมอง Fed ล่าสุด Fed Watch Tool ให้น้ำหนักการลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. เหลือเพียง 57% หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีกว่าคาด ทั้ง 1) ยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. +0.6% (Consensus +0.4%) MoM 2) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม +0.1% (Consensus 0.1%) ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และ 10 ปี เร่งตัวขึ้นต่อเนื่องทำจุดสูงสุดเทียบเคียงกับช่วงก่อนการประชุม FOMC 13 ธ.ค. แตะระดับ 4.34% และ 4.1% ตามลำดับ เช่นเดียวกับ Dollar index ที่ขยับขึ้นสู่ระดับ 103.53 จุด กดดันบาทอ่อนค่าทะลุ 35.5 และหากเทียบกับภูมิภาค ASEAN ถือว่ายัง Underperform อ่อนค่า 4% YTD ถือเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนระยะสั้น

EYES ON
19 ม.ค. ยอดขายบ้านมือสอง

กลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ