มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
SET บวกด้วยวอลุ่มบางต่อไป: ทางฝ่ายมองเปิดวันทำการแรกของปี ดัชนีได้แรงหนุนจาก 1) Sentiment ตามตลาดหุ้นฝั่งยุโรปสหรัฐ ที่ปิดบวกจากรับความหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยตั้งแต่รอบประชุมปลายเดือน มี.ค. นี้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสองวันทำการสุดท้ายเป็นเชิงลบ ได้แก่ ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด 2.10 แสนราย และครั้งก่อน2.06 แสนราย สู่ ระดับ 2.18แสนราย, ประมาณการสหรัฐขาดดุลการค้าเดือน พ.ย. มากกว่าคาด -8.84 หมื่นลบ. สู่ -9.027 หมื่นล้านดอลลาร์ และ PMI ในเขตชิคาโกเดือน ธ.ค. ต่ำกว่าคาด 51.0 จุด และต่ำกว่าครั้งก่อน 55.8 จุด สู่ 46.9จุด ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่า 50 สะท้อนสภาวะ ถดถอย ปัจจัยดังกล่าวยังส่งให้2) Dollar Indexอ่อนค่าสู่ 101 จุด ส่งให้บาทแข็งค่าเช้านี้ 34.3 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นความหวัง ดึงดูดต่อ Fund-flowเข้าตลาดหุ้นไทย รวมทั้งภาพ Bond Yield สหรัฐ 2 ปี ร่วงลงสู่ 4.20%ส่วน 10 ปีอยู่ที่ 3.90%ช่วยลดภาพ Invert Yield Curve ให้จางหายไป3) แรงหนุนเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-จับจ่ายใช้สอย จากเทศกาลปี ใหม่ เป็นเหตุให้อัตราเข้าพักกลุ่ม โรงแรม-ร้านอาหารเพิ่มขึ้นตามเทศกาล รวมทั้งยังได้แรงหนุนจากนโยบาย 4 Day 4 Gifts,Easy E-Receiptซึ่งจะช่วยลดหย่อนภาษี4) ทางฝ่ายมองตลาดหุ้นจะได้แรงหนุนจาก January Effectและวันนี้จะเป็นวันทำการแรกของการใช้หุ้นคำนวนดัชนี SET50/100 รอบ ใหม่ ทำให้มองเป็นแรงหนุนเข้าเก็งกำไรในหุ้นแบบ Selectiveแต่ให้ระวังราคาน้ำมัน WTIที่แม้ดีดตัวจากดอลลาร์อ่อนค่า แต่ยังกังวล อุปสงค์ที่ลดลง อาจทำให้หุ้น Big Capผันผวน และให้ระวังข้อมูล ศก.จีน หลังเผย PMIภาคผลิตและบริการต่ำกว่าคาดสู่ 49.0 จุด และ 50.4จุดตามลำดับ และติดตาม Caixin PMIจีนเช้านี้ ส่วนในประเทศ สัปดาห์นี้ลุ้น กกพ.พิจารณาค่าไฟงวด ม.ค –เม.ย.67

กลยุทธ์การลงทุน:1)ท่องเที่ยว+Spending:CENTEL,CPALL,CPN,CRC,ERW,LH, MINT2)January Effect: BBL, KBANK, SCB, STA, NER 3)SET100:MOSHI, SAPPE, ICHI, ITEL, SISB 3) บาทแข็งค่า: COM7, SYNEX และ 4)Selective: BTG, CPF,MASTER, SPALI

แนวรับ-ต้าน
1,410 –1,420

ปัจจัยบวก
+สศค.เผยว่า ศก.ไทยเดือน พ.ย.66 ทรงตัว แต่ได้แรงหนุนจากภาคส่ง ออก, บริโภคเอกชน-การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจากต่างชาติที่เข้าไทย พ.ย. 2.6ล้านคน (+18%,m-m)รวมทั้งเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่องสู่เดือน พ.ย. ที่ -0.44%จากการลดลงของราคาน้ำมันเบนซิน

+ ศูนย์วิจัย ศก.ฯ ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดความต้องการใช้แบตเตอรี่ของไทยจะแตะ 36Gwhในปี 73จากการส่งเสริมยานยนต์ ไฟฟ้าและ การผลิตไฟฟ้าทดแทน ซึ่งเป็นผลดีต่อกลุ่มธุรกิจนิคมฯ และยานยนต์ ไฟฟ้าที่ย้ายฐานสู่ไทย

+ สอท. เผยว่าปี 66ยอดขายรถยนต์ ไฟฟ้าเดือน ม.ค. -พ.ย. เติบโต 722%สู่ 64,815 คัน และคาดปี 67จะเติบโตทะลุ 1 แสนคน ซึ่งจะทำให้รถยนต์ BEVคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 9-10%สู่ 15%เมื่อเทียบ ยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งจะส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยและ กลุ่มบริษัทพาร์ทชิ้นส่วนยานยนต์

ปัจจัยลบ
-สำนักข่าว RIAระบุนักการทูตรัสเซียแสดงความเห็นว่า หากความตึง เครียดระหว่างนาโตและรัสเซียเพิ่มสูงขึ้น ฟินแลนด์จะเป็นชาติแรกที่ ได้รับผลกระทบจากสงครามที่บานปลาย ขณะที่ รมต.ต่างประเทศสหรัฐ ประกาศว่าจะจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนมูลค่ากว่า 250ล้านดอลลาร์

-Morgan StanleyและGoldman Sachsคาดว่าตลาดอสังหาฯ ของจีน จะ ทรุดตัวต่อเนื่องในปี 67และลดสัดส่วนจาก 24%ของ GDPปี 61 สู่ 20%ของปี 67เป็นภาพสะท้อนถึงนโยบายในการรักษาเสถียรภาพของ รัฐบาลจีนที่ยังไม่เพียงพอ

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์-นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ-นักวิเคราะห์การลงทุนด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และทางเทคนิค #37928
กิตติ บัวบึง-นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #038313
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย –ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐนพงษ์ แซ่โล้ –ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ภัทรดนัย จตุรพร ผู้ช่วยนักวิเคราะห์