***ปี 2567 ละครน่าสนใจ และเพิ่มรายได้ทางอื่น***
Key Point
แนวโน้ม 4Q66 คาดจะมีกำไรดีสุดของปี จากละคร “พรหมลิขิต” ที่หนุน รายได้โฆษณา ออนไลน์และขายลิขสิทธิ์ และภาพยนตร์ “ธี่หยด” ปี 2567 อุตสาหกรรมโฆษณายังโตได้ แต่ทางทีวีจะลดลงเล็กน้อย แต่ ละครปี 2567 น่าสนใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะ “ดวงใจเทวพรหม” จะมาทดแทน “พรหมลิขิต” ได้และคาดจะเห็นรายได้จากช่องทางอื่นมากขึ้น เช่น ภาพยนตร์ ผลิตซีรี่ส์ และจาก 3Plus ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ทยอยซื้อ” ราคาพื้นฐาน 5.40 บาท

 4Q66 มีละครเด่น “พรหมลิขิต” ที่มี 26 ตอน โดยมีเรตติ้งรวมทั้งละครและสกู๊ปพิเศษทั่วประเทศเฉลี่ยที่ 7.06 และกรุงเทพฯ 12.74 หนุนรายได้โฆษณาให้ดีขึ้น q-qแม้ในเดือน ธ.ค. งบโฆษณาจะชะลอตัวลงตามฤดูกาลจากวันหยุด และยังออกอากาศไปต่างประเทศพร้อมกันกับในไทยผ่าน Netflix ที่ กัมพูชา เมียนมา ลาว และผ่านแพลตฟอร์ มในสิงคโปร์และเกาหลีใต้ ซึ่งได้ค่าลิขสิทธิ์ที่สูงกว่าปกติ อีกทั้งมีการขายลิขสิทธิ์ละครที่จบแล้วไปต่างประเทศ นอกจากนี้บีอีซี สตูดิโอขายลิขสิทธิ์ซีรี่ส์ ให้แพลตฟอร์มของ Prime Video “ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิ ศ-พ.ย.” และ “มือปราบกระทะรั่ว-ธ.ค.” ซึ่งเป็น 2 เรื่องแรกในธุรกิจนี้ และภาพยนตร์ “ธี่หยด” ที่ร่วมทุนกับ MAJOR ซึ่งประสบความสำเร็จ ทำรายได้ ถึง 24 ธ.ค. สูงที่ 484 ล้านบาท จากเข้าฉาย 61 วัน ปัจจุบันยังคงฉายอยู่ และยังนำไปฉายต่างประเทศกว่า 20 ประเทศ ซึ่งจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเรื่องดังกล่าวเข้ามาบางส่วน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีละครฟอร์มใหญ่ก็จะมีต้นทุนที่สูงและการผลิตซีรี่ส์ให้ Prime Video จะมีอัตรากำไรน้อยกว่าทางทีวี รวมถึงค่าใช้ จ่ายปลายปีอย่างค่าใช้จ่ายบริหารและการปรับค่าใช้จ่ายระหว่างปี ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมสูงขึ้น แต่คาดว่ากำไรใน 4Q66 น่าจะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี

  BEC มีการเปิดตัวละครและซี่รีส์ในปี 2567 ทั้งหมด 13 เรื่อง มีภาคต่อของละคร “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ซึ่งได้รับความนิยมสูง ภาคต่อในชื่อ “ดวงใจเทวพรหม” ซึ่งเป็นละครต่อเนื่อง 5 เรื่อง “ลออจันทร์ -ขวัญฤทัย-ใจพิสุทธิ์-ดุจอัปสร-พรชีวัน” น่าจะสร้างกระแสได้ดีเมื่อดูจากดาราแสดงนำ และละครอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจจากดาราแสดงนำ เช่น หมาก - ญาญ่า เรื่อง “จนกว่าจะได้รักกัน” ซีรี่ส์แนว boy love “คุณได้ไปต่อ” นำแสดงโดย จูเนียร์ กาจบัณฑิต-ฟลุ๊คจ์ พงศภัทร์ และแนว girl love "ใจซ่อนรัก" ซึ่งจากละครที่น่าจะมีกระแสดี คาดจะหนุนรายได้โฆษณาทดแทนในปี 2566 ที่มี “พรหมลิขิต” รวมถึงรายได้จากออนไลน์ และขายลิขสิทธิ์ไปต่างประเทศได้ด้วย

  มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ (MI) ซึ่งเป็นตัวแทนในการจัดทำโฆษณาให้ธุรกิจต่าง ๆ คาดการณ์ว่าในปี 2567 เม็ดเงินโฆษณาจะโตที่ 4% y-y เป็น 8.80 หมื่นล้านบาท โดยการเติบโตจะอยู่ในกลุ่มสื่อออนไลน์+10% เป็น 3.19 หมื่นล้านบาท และสื่อนอกบ้าน +10% เป็น 1.33 หมื่นล้านบาท ในขณะที่สื่อทีวียังชะลอตัว 2% เป็น 3.55 หมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมเติบโตค่อนข้างต่ำจากกำลังซื้อยังไม่กลับมาจากหนี้ ครัวเรือน-หนี้บุคคลสูงความสามารถจับจ่ายใช้สอยลดลง การเมืองโลกที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้งบโฆษณาของ Global Brandและนโยบายกระตุ้นการจับจ่ายได้ผลน้อยจากความไม่แน่นอนของการใช้งบโฆษณา ทำให้ มอง BEC ยังต้องเพิ่มรายได้จากช่องทางอื่น เช่น ธุรกิจเพลง ผลิตซีรี่ส์ขายให้ OTT Platform ซึ่งยังมีอีก 1 เรื่องที่อยู่ระหว่างเจรจา ธุรกิจภาพยนตร์ที่ร่วมกับ MAJOR คาดผลิตเพิ่มขึ้นและเข้าฉายได้ 2-3 เรื่องในปี 2567 จากปี 2566 ที่มี 1 เรื่อง และแพลตฟอร์มของ 3Plus ซึ่งมีรายได้จากการขายโฆษณาที่มี Monthly Active Users ที่ 11.4 ล้านรายใน 3Q66 และ 3Plus Premium ที่มีรายได้จากค่าสมาชิก ทั้งที่เป็นของ BEC เอง และร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่น AIS BBL และ SCB ซึ่งใน 3Q66 มี Active User ที่ 1.05 แสนคน ซึ่งผู้ใช้งานยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง

 ทางฝ่ายได้มีการปรับลดคาดการณ์กำไรปี 2566 ลงเป็น 243 ล้านบาท จากต้นทุนและค่าใช้จ่ายดูจะสูงกว่าที่คาดไว้ และปี 2567 คาดกำไรที่ 290 ล้านบาท โดยกำไรยังขึ้นอยู่กับการบันทึกรายได้จากภาพยนตร์และการขายลิขสิทธิ์ที่อาจดีกว่าที่คาดไว้ ปรับราคาพื้นฐานเป็น 5.40 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลงมามากมองเป็นกังวลจากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังมีปัจจัยไม่แน่นอน แต่เมื่อเทียบกับราคาพื้นฐานยังมีส่วนต่างอยู่พอสมควร ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ทยอยซื้อ” จาก "ถือ"