Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

328


มองบวก ทั้งวันนี้ และปีหน้า
วันทำการสุดท้ายของปี 2566 ประเด็นแวดล้อมส่วนใหญ่ยังวนเวียนอยู่ในเรื่องทิศทางดอกเบี้ย ซึ่งสัญญาณจาก FED ซึ่งเป็นหัวขบวน มีความชัดเจนว่า จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง อย่างน้อย 3 ครั้ง หรือ อาจจะถึง 5 ครั้งในปี 2567ส่วนในบ้านเราประเมินจากกรอบเงินเฟ้อที่ ครม. เห็นชอบ 1 – 3% ก็เชื่อว่าน่าจะเปิดทางให้ กนง. สามารถดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายได้เมื่อถึงเวลาอันควรทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ลองทำ Sensitivity Analysis เพื่อหาอัตราการเพิ่มของ CPI ที่จะทำให้เงินเฟ้อขึ้นไปแตะกรอบบนที่ 3% พบว่า ต้องเห็นการเพิ่มขึ้นของ CPI ในอัตรา 0.3% MoM จึงจะทำให้เงินเฟ้อปลายปี 2567 แตะระดับ 3% ซึ่งประเมินจากปัจจัยแวดล้อมที่เป็นอยู่น่าจะเกิดขึ้นได้ยาก ดังนั้นหาก กนง. เริ่มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายพร้อมๆ กับการมีมาตรการทางการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็น่าจะทำให้ภาพเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นปี มังกร ดูดีขึ้นวันทำการสุดท้ายของปี คาด SET Index เดินหน้าปรับขึ้นไปทดสอบบริเวณ1415 จุด และมีแนวรับที่ 1405 จุด ส่วนปี 2567 มีมุมมองเชิงบวก หุ้น Top Pick
วันนี้ เลือก CRC, PLANB และ TISCO

 


คาด Fed ลดดอกเบี้ยปีหน้า หนุนเงินไหลเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง
วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงดีดตัวได้ต่อเนื่องราว 0.2 - 0.3% จากแรงคาดหวังว่าFed จะปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนได้จาก Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงมาเรื่อยๆ และถ้าหากนับตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. 66 Bond Yield 2 ปี ขยับลงราว 18 bps. ขณะที่ Bond Yield 10 ปี ร่วงลงมาแล้วกว่า 30 bps. (เทียบเท่ากับการปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง) โดยมุมมองดังกล่าวไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง แทนการหนีเข้าสินทรัพย์ปลอกภัย ทำให้ล่าสุด Dollar Index อ่อนค่าลงใกล้หลุด 100 จุดแล้ว

 

ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินในบ้านเรา เชื่อว่าจะมีแนวโน้มที่ผ่อนคลายมากขึ้นในระยะถัดไป เพื่อให้เอื้อต่อการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงทิศทางของเงินเฟ้อไทยคาดว่าจะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ซึ่งเป็นระดับมติ ค.ร.ม. ได้อนุมัติไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (26 ธ.ค.)นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยฯ ได้ทำการประเมิน Senstivity พบว่า เงินเฟ้อบ้านเราอาจแตะที่3%YoY ในช้วงปลายปีหน้า ภายใต้สมมติฐาน CPI Growth ของไทยทุกเดือนในปี2567 ขยายตัว 0.3%MoM อย่างไรก็ตาม CPI Growth ไทยในอดีตดีดตัวเกิน0.3%MoM เกิดขึ้นไม่ได้บ่อยมากนัก จึงคาดว่าเงินเฟ้อไม่น่าสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นแรงหนุนเปิดทางให้ กนง. ผ่อนคลายนโยบายการเงินได้ง่ายขึ้น

 

สรุป เม็ดเงินยังไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงได้ดี บนความคาดหวังว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนได้จาก Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงมา
เรื่อยๆ ส่วนในบ้านเราประเด็นเงินเฟ้อที่ฝ่ายวิจัยฯ ได้ทำการประเมิน Senstivity พบว่าเป็นไปได้ค่อนข้างยากที่จะเกิดนกรอบเป้าหมายที่ 1-3% จึงเชื่อว่าเป็นแรงหนุนเปิดทาง
ให้ กนง. ผ่อนคลายนโยบายการเงินได้ง่ายขึ้น


ราคาน้ำมันปรับลงช่วงสั้น วิกฤตการณ์ในทะเลแดงเจอทางออก
วานนี้ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ปรับตัวลงราว 2% อยู่ที่ระดับ 79.41 เหรียญฯ/บาร์เรล และ 74.11 เหรียญฯ/บาร์เรล ตามลำดับ โดยปัจจยหลักมาจากบริษัทเมอส์ก(Maersk), ซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม (CMA CGM) และฮาแพค-ลอยด์ (Hapag-Lloyd) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ของยุโรป ประกาศว่าจะกลับมาเดินเรือในทะเลแดงอีกครั้ง หลังจากที่สหรัฐฯได้เปิดปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง (OperationProsperity Guardian) เพื่อปกป้องเส้นทางเดินเรือในทะเลแดงจากการโจมตีของกลุ่มฮูตีจึงทำให้ความกังวลประเด็นดังลก่าวคลี่คบายลงบ้าง


อย่างไรก็ตามต้องติดตามวิกฤตการณ์ในทะเลแดงต่อไปว่าจะเป็นไปในทิศทางไหนขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสทรงตัวในระดับนี้ หรือปรับตัวขึ้นได้จาก สงครามที่ยืดเยื้อระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่ล่าสุด กองกำลังทหารอิสราเอลได้ทำการโจมตีฉนวนกาซาทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ จึงทำให้ตลาดคาดว่าสงครามครั้งนี้ อาจยืดเยื้อไปอีกหลายเดือนสรุป ราคาน้ำมันทรุดตัวลงช่วงสั้น หลังวิกฤตการณ์ในทะเลแดงเจอทางออก อาจกดดัน SET Index ในวันนี้ เนื่องจากมีสัดส่วนหุ้นกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่น ถึง 1 ใน 3 ของสัดส่วนทั้งหมด โดยวันนี้คาด SET Index แกว่งในกรอบ 1405-1415 จุด

ฐานกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2566 SET ZERO มาเท่าก่อน
COVID และกลับมาเติบโต DOUBLE DIGIT อีกครั้ง
ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2566 มี EPS 88.6 บาท/หุ้น ซึ่งกำไรกลับขึ้นมาใกล้เคียงกับปี 2562 (ช่วงก่อนเกิด COVID-19) ที่ 88.1 บาทต่อหุ้น และปีหน้า
คาด EPS อยู่ที่ 99.8 บาท/หุ้น เติบโตต่อเนื่องอีก 12.6% ดังรูปด้านล่าง

ขณะที่โดยปกติแล้ว กำไรบริษัทจดทะเบียน 2021–2022 ที่เพิ่มขึ้นจาก 0.99 ล้านล้านบาท สู่ระดับ 1.02 ล้านล้านบาท นั้นหมายถึง บริษัทจดทะเบียนแต่ละบริษัทสร้างกำไรได้มากขึ้น หรือ มีบริษัทจดทะเบียนใหม่ๆเข้ามาเป็นตัวเลือกให้นักลงทุน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี และ SET Index ก็ตอบสนองในเชิงบวก ขณะที่ปีนี้ กำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.05 ล้านล้านบาท แต่ SET Index กลับปรับตัวลงแรง 15%Ytdอยู่ที่ระดับ 1410.43 จุด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดวิสัยน์ในเชิงพื้นฐาน และ หากพิจารณาในเชิง Valuation ยิ่งทำให้ SET Index ระดับปัจจุบันน่าสนใจยิ่งขึ้นกว่าอดีต โดยในปีหน้าฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 1.18 ล้านล้านบาท ยิ่งเป็นจุดแน่ชัดว่าSET Index ไม่ควรอยู่ระดับนี้และควรปรับตัวขึ้นตามกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตขึ้น


โดยในปี 2567 แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดูเด่นมากขึ้น พร้อมกับมีการกระตุ้นเศรษฐกิจแพคเกจใหญ่จากทางภาครัฐเข้ามาสนับสนุน หนุนให้ฝ่ายวิจัยฯประเมิน ESP67F ที่ 99.8 บาทต่อหุ้น เติบโตถึง 12.6%YOY ซึ่งมีกลุ่มที่OUTPERFORM ตลาดเด่น คือ PETRO, AGRI, TOURISM, FOOD, TRANS,CONS, COMM เป็นต้น


ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยสะสมหุ้นในกลุ่มที่เติบโตเด่น และให้ความสำคัญกับ ESG ที่มี RAting A-AAA คือ CK, GULF, CRC, BEM, CPALL, MINT, kbank,
hmpro, bbl, cpn, intuch, ap, advanc, tisco

สรุปฐานกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2566 SET ZERO มาเท่าก่อน COVID และปีนี้มีความคาดหวังการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้น หนุนกำไรมีโอกาสกลับมาเติบโต DOUBLE DIGIT อีกครั้งส่วน Top pick วันนี้เลือก CRC , PLANB , TISCO

 


RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ต่างชาติ ลุยซื้อหุ้นไทย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นนักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อหุ้นไทย วานนี้ จัดไป เกือบ 3,600 ล้านบาท ส่วนในประเทศ พร้อมใจขายอย่าง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้