AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ยังไปต่อ
กลยุทธ์เลือกหุ้นใหญ่ กำไรโต Valuation ไม่แพง

Market Strategy
คาด SET Index ยังขยับขึ้นได้ต่อตามกรอบ 1370-1390 จุด ตามทิศทางสินทรัพย์เสี่ยงโลก ที่อยู่ในภาวะ Risk On เริ่มจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นในช่วง 0.19%-0.43% ตอบรับผลประชุม FED และรายงานยอดค้าปลีกเดือน พ.ย. ที่บวกอ่อนๆ 0.3%MoM ดีกว่าตลาดคาด -0.1%MoM

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 2.75% จาก IEA ปรับคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันปีหน้าเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่าเดิมที่เคยคาดเพิ่มขึ้น 9.3 แสนบาร์เรลต่อวันซึ่งเชื่อว่าจะหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้

ปัจจัยในประเทศประเด็นเรื่องค่าไฟเดือน ม.ค.- เม.ย.67 อิงตามความเห็นของ รมว.พลังงานแนวทางคาดว่าจะแบ่งเป็นการตรึงค่าไฟฟ้า 3.99 บาท/หน่วยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ส่วนกลุ่มอื่นๆค่าไฟจะอยู่ในระดับใม่เกิน 4.20 บาท/หน่วย ซึ่งจะเตรียมเสนอ ครม.ในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. ต่อไป มองแนวทางข้างต้นไม่ได้เป็นลบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP

นักลงทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิ 3.48 พันล้านบาทมากที่สุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าเกือบ 1% หนุนเงินบาทเช้านี้แข็งค่าที่ 34.85 บาท/USD จึงยังเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทาง Fund Flow

Market Summary
SET Index วานนี้ปรับขึ้น 1.54% ตอบรับผลการประชุม FED โดยเป็นการปรับขึ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่ม Outperform ตลาดเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield สหรัฐฯ ปรับลง นำโดยกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ +5.17% กลุ่มไฟแนนซ์ +3.47% และกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP อย่าง GPSC และ BGRIM ที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 5.54% แรงหนุนมาจากนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิ 3.48 พันล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CPALL, GULF

GULF Outlook สดใส
คาดว่ากำไรหลักรายไตรมาสของ GULF จะแตะระดับสูงสุดต่อไปอีกห้าไตรมาส (4Q66-4Q67) หนุนโดย COD ของ GPD หน่วยที่ 2-4 ซึ่งเป็นโครงการ IPP ที่กำไรขึ้นอยู่กับการจ่ายเงินค่าความพร้อมจ่าย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิต IPP ของ GULF จาก 49% ในปี 63 เป็น 69% ในปี 68
ขณะที่ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากทิศทาง US Bond Yield ที่ปรับลงจุดต่ำสุดของปี หลังการประชุม FED
ด้านประเด็นการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในงวด ม.ค.-เม.ย.67 แม้ยังขาดความชัดเจน แต่ไม่ได้สร้าง Downside ต่อประมาณการเนื่องจากสมมติฐานค่าไฟ เราทำไว้ที่ 3.99 บาท/หน่วย ตลอดปี 67
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 56.25 บาท

CPALL Valuation ถูกไป สวนกำไรที่ยังโต
ทิศทางกำไรในช่วง 4Q66 ที่จะขยายตัวได้ทั้ง YoY และ QoQ ตามปัจจัยทางฤดูกาล ขณะที่ปีหน้าเราคาดการณ์กำไรเติบโตได้ต่อ 23%YoY จากกำลังซื้อในประเทศที่เพิ่มขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเร่งตัว นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐส่วนมาตรการ Digital Wallet หากเกิดขึ้นถือเป็นเป็น Upside ต่อประมาณการ
ราคาหุ้นปรับลง -22% YTD จนปัจจุบันซื้อขายบน PER67F ที่ 21.3x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง5 ปี -2.5 S.D. ซึ่งถือเป็นระดับถูกเกินมากเกินไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 79.00 บาท

KEY FACTOR
การรายงานตัวเลขดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของจีนเดือน พ.ย. ในวันนี้ น่าจะมีผลกลับมาขับเคลื่อนตลาดหุ้นเอเชีย และกระทบต่อ sentiment ตลาดหุ้นไทย โดย Consensus คาดการณ์ 1) ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว +5.7% YoY เร่งตัวจาก +4.6% YoY ในเดือน ต.ค. 2) ยอดค้าปลีก ขยายตัว +12.5% YoY เร่งตัวอย่างมีนัยสำคัญจาก +7.6% YoY ในเดือน ต.ค.
ตัวเลขที่สะท้อนภาพเชิงบวกทั้งในภาคการผลิตและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภค น่าจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจจีน สอดคล้องกับมุมมอง Consensus ที่เริ่มปรับเพิ่มประมาณการ GDP ทั้งปี 2566 และ ปี 2567 ล่าสุดอยู่ที่ระดับ +5.2% และ 4.5% ตามลำดับ

EYES ON
15 ธ.ค. S&P Global PMI สหรัฐฯ, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกจีน, เงินเฟ้อ Eurozone

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ