Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

373

 


ระยะสั้นผันผวน ส่วนกลาง-ยาว ดูดี
BOND YIELD ที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ทั้งในสหรัฐ และ บ้านเรา ขณะที่ FEDWATCH TOOL ล่าสุด 99.9% คาด FED คงดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือนธ.ค. และ ในปี 2567 คาดปรับลดดอกเบี้ยกว่า 1% ภาพดังกล่าวสะทั้อนวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง ส่วนในบ้านเรา ก็เชื่อว่าจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงในปี 2567เช่นกัน ส่วนความกังวลว่า มาตรการลดค่าครองชีพหลายตัวตามนโยบายรัฐ จะหมดอาจยุช่วงสิ้นปี 2566 และ ต้นปี 2567 อาจเป็นแรงหนุนให้อัตราเงินเฟ้อ สูงขึ้นเราได้ลองทำภาพจำลอง โดยกำหนดให้ CPI ปรับขึ้นไปเหมือนกับช่วงที่ไม่มีมาตรการหนุน และราคาน้ำมันสูงกว่าปัจจุบัน พบว่า อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในช่วง0.33 – 1.14% ซึ่งจะไม่ทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่คาดไว้เปลี่ยนแปลง ภาพดังกล่าวถือว่าดีต่อตลาดหุ้นในระยะกลาง - ยาว ส่วนระยะสั้นด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง และ ปัจจัยแวดล้อทางพื้นฐานที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาก คาด SETINDEX อยู่ในกรอบแคบช่วงที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายช่วง คาดมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ซึ่งน่าจะทำให้SET INDEX วันนี้ ผันผวนอยู่ในกรอบแคบ ประเมินกรอบ 1375 – 1390 จุดสำหรับ หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก BEM, CRC และ SIRI

 

 

แรงกระตุ้นเงินเฟ้อเริ่มหมด...ค่อยๆ กดแบงค์ชาติให้ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
ภาวะเงินเฟ้อชะลอตัวจากแรงกระตุ้นที่ค่อยๆ หมดลง ช่วยหนุนให้ธนาคารกลางทั่วโลกหันมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้นเริ่มจากสหรัฐฯ ที่เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงได้อีก หลังภาคแรงงานสหรัฐที่ค่อยๆ ส่งสัญญาณอ่อนแอลง โดยล่าสุดมีรายงานตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ในสหรัฐเดือน ต.ค. อยู่ที่ 8.7 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีสะท้อนความต้องการจ้างงานที่ลดลง (DEMAND) ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนให้ FED มีโอกาสจบรอบดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว สะท้อนจาก BOND YIELD สหรัฐฯ 10 ปีร่วงลงเร็วใกล้หลุด 4%ขณะที่ FED WATCH TOOL คาดดอกเบี้ยปีหน้า ลด 1.25% เหลือ 4.25%

 

ขณะที่จีน ยังเผชิญกับปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ จึงกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งล่าสุด MOODY’S ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีนจากมีเสถียรภาพ (STABLE) ลดลงสู่เชิงลบ (NEGATIVE) เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงในระยะกลาง และกังวลในการสนับสนุนด้านการเงินให้กับรัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทของรัฐที่มีปัญหาด้านหนี้สินรวมถึงมีความเสี่ยงทางด้านการคลัง หลังรัฐบาลจีนเพิ่มงบประมาณขาดดุลเป็น 3.8% ของ GDP ซึ่งมากสุดในรอบ 30 ปีซึ่งปัจจัยเหล่านี้ เชื่อว่าจะยังช่วยหนุนให้ PBOC ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้ฟื้นตัว


ในส่วนของไทย เงินเฟ้อยังแนวโน้มเงินเฟ้อไทยยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ไม่มีมาตรการลดค่าครองชีพที่จะสิ้นสุดในช่วงต้นปี 2567 ภายใต้สมมติฐานดัชนีเงินเฟ้อไทยอยู่ที่ 108.4จุด เทียบเท่ากับเดือน ส.ค. 66 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีมาตรการลดค่าครองชีพ ทำให้เงินเฟ้อในปีหน้าสูงสุดจะอยู่ที่ราว 1.1%YOY ในเดือน พ.ค. ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนให้ กนง.ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้นเช่นกัน

 

สรุป เงินเฟ้อที่ชะลอตัวเป็นแรงกระตุ้นให้ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก เริ่มกลับมาพิจารณาใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงสูงขึ้นในระยะถัดไปได้

 

เม็ดเงินกระตุ้น SET INDEX น้อยเหลือเกิน แต่นับจากนี้คาดมีแนงหนุนมากขึ้น
ตั้งแต่ต้นปี SET INDEX ปรับตัวลง 17.3%(YTD) ซึ่งมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่5.2 หมื่นล้านบาท(TURNOVER 67%) ลดลง 28% จากปีก่อนที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันยู่ที่ 7.6 หมื่นล้านบาทเนื่องจากสภาพคล่องที่ทยอยหายไปจาก SET INDEXในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง, เกิดสงครามอิสราเอล - ฮามาส บวกกับดอกเบี้ยนโยบายไทยที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565 จนอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ระดับ 2.50% (สูงสุดในรอบ 10 ปี) และยังมีกองทุนรวมประหยัดภาษี (SSF), กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งไม่ได้มีนโยบายลงทุนหุ้นไทยเพียงอย่างเดียวโดยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันล่าสุดอยู่ที่3.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น TURNOVER ระดับ 51% ซึ่งสถิติในอดีตบ่งชี้ว่า SET INDEX จะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงที่มีสภาพคล่องสูงTURNOVER ระดับ 70% -80%
ขณะที่ช่วงเวลานับจากนี้ มูลค่าซื้อขายต่อวันมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำไรของบริษัทจดทะเบียน และ VALUATION ของตลาดหุ้นไทยที่มีความน่าสนใจมากขึ้นทั้งในมุมของอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ต่ำระดับ -1.5SD และอัตราส่วนราคาหุ้น ต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV) ที่มีค่าต่ำระดับ –2SD และมีเม็ดเงินจากกองทุน TESG FUND เข้ามาเต็มปี จึงคาดหวังมีโอกาสที่มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะกลับไประดับ 5-6 หมื่นล้านบาทต่อวัน (TURNOVER ระดับ 70-80%)

สรุป มูลค่าซื้อขายต่อวันที่หายไป ทำให้ SET INDEX ปรับตัวขึ้นได้ยากตั้งแต่ต้นปี แต่นับจากนี้มีความคาดหวังทั้งในมุมของเศรษฐกิจ กำไร บล. และVALUATION SET ที่น่าสนใจ ทำให้มีโอกาสสูงที่มูลค่าซื้อขายต่อวันจะกลับมาสู่ระดับ 5-6 หมื่นล้านบาทอีกครั้ง โดยวันนี้มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX ระดับ 1375-1390 จุด


กองทุน THAI ESG FUND น่าจะเป็นพระเอก ช่วยผลักดัน SETINDEX ในช่วงที่เหลือของปี
วันจันทร์ที่ผ่านมา กลต. ออกเกณฑ์รองรับและได้รับคำขออนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (THAILAND ESG FUND) จำนวน 22 กองทุน จาก บลจ. 16 แห่งและสมาชิกประสงค์จะเสนอขายพร้อมกันในวันที่ 8 ธ.ค. 66ประเด็นดังกล่าว ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า จะมีเม็ดเงินใหม่เริ่มเข้ามา 1 –2 หมื่นล้านบาทหนุนตลาดฯ ให้ OUTPERFORM ในช่วงวันที่ 8 ธ.ค. 66 และเม็ดเงินจะเข้ามาชัดๆ ในสัปดาห์หน้าจนถึงสิ้นปี ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญๆ ดังนี้
• คาดหวังสถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยในเดือน ธ.ค. นี้ 1 – 2 หมื่นล้านบาทสะท้อนได้จากสถิติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยมากสุดในเดือน ธ.ค. เฉลี่ยกว่า 1.06 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะเดือน ธ.ค. ปีที่กองทุนLTF ยังสามารถให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ (ปี 2013 –2019) สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยในเดือน ธ.ค. เฉลี่ยสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท

• เวลามีเม็ดเงินจากกองทุนใหม่เข้ามาในตลาด มักหนุนให้ SET ช่วงนั้นปรับตัวขึ้นได้ดีซึ่งเปรียบเทียบสถานะการณ์ เวลามีเม็ดเงินใหม่จากกองทุนTRIGGER FUND เข้ามาในตลาดเยอะๆ อย่าง ในช่วงท้ายเดือน มี.ค.66(9วันทำการ) สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทย 1.1 หมื่นล้านบาท หนุน SET ขึ้น 3.5%และช่วงต้นเดือน พ.ค. 66 (6 วันทำการ) สถาบันฯ ซื้อ 1.6 หมื่นล้านบาท หุ้นขึ้น 2.2%


ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองหาหุ้นที่จะได้เม็ดเงินใหม่จากกองทุน THAILAND ESGFUND หนุน จาก 20 หุ้นใหญ่สุดที่มี ESG SCORE สูงระดับ AA, AAA โดยชื่นชอบ EA, SCGP, CPALL, PTTGC, PTTEP, GULF, CRC, SCC, BDMS,CPN, PTT, ADVANC


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้