ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

สรุปภาพตลาดวานนี้ ขึ้นยังไม่ถึงไหน หุ้นไทยกลับมาดิ่งต่อวานนี้ โดย DELTA กดดันดัชนีไปราว 5 จุด (กังวลเกณฑ์ฯ หลุด SET50 และน้ำหนักใน SET50FF จะน้อยลง) และกลุ่ม CPALL-CPAXT กดดันรวมกว่า 3.5 จุด (Sentiment ลบ จากข่ายหมูเถื่อน) ตามด้วย AOT ลงต่อเนื่อง กดดันไปอีก 1.7 จุด (หลัง ครม. เตรียมปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ทำให้ประเมินแรงจูงใจกลุ่ม) ในอีกด้าน หุ้นที่บวกดีสวนตลาดมาได้ ได้แก่ โรงไฟฟ้า (หลังเคาะค่าไฟฟ้ารอบใหม่) สื่อสารฯ และเกษตรอาหาร

แนวโน้มตลาดวันนี้
Knock Knock ใครจะเป็นตัวต่อไป
“ยังอยู่ในกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET สัปดาห์นี้ Sideways 1,380 จุด ถึง 1,430 จุด”
แต่การที่ราคาหุ้นลงจากความผันผวนของราคาหุ้นรายตัวที่เราเห็นเมื่อวานนี้ จากบอทเทรดตามที่ตลาดฯแจ้ง จะพบสัดส่วนการขายจากบอทค่อนข้างสูงและมีผลต่อราคาหุ้น เช่น CPALL CPAXT DELTA TAN (ก่อนหน้านี้ก็มีผลทำให้ราคาผันผวนสูง เช่น BGRIM GPSC AOT ฯลฯ)
ทั้งที่ปัจจัยพื้นฐาน และภาพมหภาพ (เช่นเมื่อวาน กนง.ปรับลด GDP ทั้งที่เราเห็นแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ผ่านมาก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นการปรับลดจึงควรอยู่ในวิสัยที่ควรจะคาดการได้) อาจจะไม่ได้กระทบอย่างมีนัยยะ เช่น ก่อนหน้ากังวล โรงไฟฟ้าอดขึ้นค่าไฟ แต่เราก็ย้ำมาตลอดว่าได้ขึ้นแน่ (ซึ่งตอนนั้นราคาหุ้นไฟฟ้าลงไม่สน) AOT ก็เช่นกัน อย่างที่เราประเมินผลกระดิวตี้ฟี ถ้าเกิดขึ้นจริงกระทบกำไรแค่ 2% แต่ราคาหุ้นก็ลงไม่สน) ซึ่งในเคสเดียวกันกับ CPALL CPAXT นักวิเคราะห์เรามีความเห็นว่าไม่น่าจะจริง แต่คงต้องรอให้ราคาหุ้นเฉลย...และกระบวนการตรวจสอบดำเนินคดีไป
ดังนั้นความผันผวนของราคาหุ้นรายตัวที่เกิดขึ้น อาจจะมีผลต่อดัชนีให้ลงหลุดจากรอบที่เราประเมินได้ เช่น กรณี DELTA ที่เรา ระบุในกลยุทธ์ประจำสัปดาห์ไปเมื่อวันจันทร์แล้วว่าจะมีอิทธิพลลบต่อดัชนีฯ หากหลุด SET50
สุดท้าย เรายืนยันตามโมเมนตั้มระยะสัปดาห์ที่เราประเมิน...ว่าตลาดหุ้นไทยจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์เพื่อย่อยข่าว และเราให้สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการพักฐาน ก่อนจะเห็นภาพการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย หลังปัจจัยลบต่างๆเริ่มคลี่คลายตามที่เราประเมิน

กลยุทธ์การลงทุน
เลือกซื้อ หุ้นกลุ่มเด่น ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (สินค้าจำเป็น สินค้าเบ็ดเตล็ด) ที่ลงแรง (OR) รับเหมา (งานระบบ และ ก่อสร้าง) เริ่มเห็นแนวทางงานประมูลใหม่ที่ชัดเจน CK STEC ITEL ธนาคาร ที่ราคาปรับฐานเสร็จเรียบร้อย KBANK SCB อาหาร&เครื่องดื่ม (CBG OSP BTG GFPT) ตามฤดูกาลขาย และผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุด

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ปรับลง ปิดไม่สวย แต่!ยังอยู่บนเส้น support….หลังผิงเชือก อีกครั้ง! ส่วนเงื่อนไขโครงสร้างสำคัญ“Higher low” ดัชนีจะต้องสร้างฐานไม่มีการทำ low ใหม่ (ต่ำกว่า 1,366 จุด) ยังคงให้น้ำหนักมีความเป็นไปได้เหมือนเดิม กลยุทธ์สัปดาห์นี้ SET เริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ตามแผน แต่ยังขึ้นได้ไม่ไกล อยู่ใกล้ๆ 1,400 จุด หากไม่หลุด low มีลุ้นฟื้นตัวเทรดอยู่ในกรอบสามเหลี่ยม sideway up ส่วนหุ้นแนะนำ & ธีม play เลือก 1.กลุ่ม Agro & Food เนื่องจากแนวโน้มราคาหมู ไก่ กำลังปรับขึ้น หุ้นมาทั้งกลุ่มเขียวยกแผง 2.กลุ่มที่ได้ประโยนช์จาก bond yield & ดอกเบี้ยขาลง อาทิเช่น กลุ่มเช่าซื้อ ไฟแนนซ์ กลุ่มปันผลสูงและโรงไฟฟ้า 

What to watch
ครม.เห็นชอบ ปรับฐานเงินเดือนข้าราชการใหม่เป็น 18,000 บาท จาก 15,000 บาท ส่วนระดับ C8 เงินเดือนไม่ถึง 1.8 หมื่นบาท จะได้ปรับขึ้นค่าครองชีพ แต่ e Refund เลื่อน
CME FED watch tool คาดเฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุม เดือน ธ.ค.66 ม.ค. 67 และ มี.ค. 67 ก่อนจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 5-525% ในเดือน พ.ค. 67
US ISM, China PMI มีแนวโน้มที่เริ่มดีขึ้น: US ISM ภาคการผลิต คาด 47.7 จาก 46.7 และ จีน PMI ภาคการผลิตคาด กลับมายืน 50 จาก 49.5
การประชุมธนาคารกลาง ส่วนใหญ่ในภูมิภาคจะคงอัตราดอกเบี้ย เช่น BOT แบงก์ชาติคงดอกเบี้ย 2.5% เกาหลีใต้คงดอกเบี้ย 3.5% นิวซีแลนด์ คงดอกเบี้ย 5.5% และ เฟด Beige book คาดส่งสัญญาณหยุดขยับดอกเบี้ยขึ้น

หุ้นแนะนำวันนี้
STEC งานใหม่เริ่มเห็นแวว เช่น รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีน้ำตาล และ แดง ที่จะประมูลไตรมาสแรกปีหน้า (S 9.10 R 10 SL 9)
BTG เร่งปราบหมูเถื่อน หนุนผลการดำเนินงานพลิกกลับมามีกำไร(s 23.5 R 25.5 SL 23)

รายงานพื้นฐานวันนี้

KBANK
ธนาคารกสิกรไทย
ขยายธุรกิจจากการใช้ประโยชน์คลังข้อมูล
เราได้จัด Virtual conference สำหรับ KBANK ไปเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 23 โดย KBANK จะใช้ข้อมูลของลูกค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะลูกค้าที่ใช้บริการ KPLUS มากกว่า 21 ล้านราย เพื่อมาวิเคราะห์การ Cross sell สินค้าและบริการให้มากขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนและประกัน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายการลงทุนไปต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะจีน เวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ทั้งในด้าน GDP, สินเชื่อและผลิตภัณฑ์อื่นๆ

Fundamental View: ราคาหุ้น KBANK มี Valuations ถูกมากแล้ว เมื่อเทียบกับกลุ่มธนาคาร จนล่าสุด PER เพียง 6.8 เท่า และ PBV เพียง 0.5 เท่า จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

Quant Portfolio
อัพเดทพอร์ตการลงทุน
พอร์ตการลงทุนของเราให้ผลตอบแทน 1.1% นับจากวันที่เราออกบทวิเคราะห์ฉบับล่าสุดในวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งต่ำกว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยซึ่งอยู่ที่ 0.3% ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้เรามีการปรับหุ้นในพอร์ต โดยถอดหุ้น AOT ออกจากพอร์ต และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน PTT