รายได้จากการลงทุนสุทธิ 4Q22/23 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ
TFFIF รายงานกำไรสุทธิและรายได้จากการลงทุนสุทธิ (Net Investment Income) ใน 4Q22/23 (ก.ค.-ก.ย.) อยู่ที่ 482 ล้านบาท (-23.5% YoY, +4.5% QoQ) โดยลดลง YoY เนื่องจากใน 4Q21/22 มีการบันทึกกำไรการปรับมูลค่ากองทุนจำนวน 172 ล้านบาท หากไม่รวมรายได้ดังกล่าว รายได้จากการลงทุนสุทธิ 4Q22/23 เติบโต 5% YoY และ 4.5% QoQ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณรถใช้ทางด่วนทั้งสองเส้นทางบูรพาวิถีและฉลองรัชตามกิจกรรมการเดินทางที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งในปีที่ผ่านมายังได้รับผลกระทบจาก การระบาดโควิด-19 ซึ่งในปีนี้กลับเข้าสู่ใกล้เคียงปกติ

การปรับเพิ่มขึ้นค่าผ่านทาง
กระทรวงคมนาคมมีคำสั่งให้ กทพ. ปรับอัตราค่าผ่านทางสำหรับทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) และบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) หลังวันที่ 31 มีนาคม 2024 ซึ่งหลังจากนั้นจะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทาง ฉลองรัชขึ้นมาเป็น 45-90 บาท ตามประเภทรถ และทางบูรพาวิถีปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางรถ 4 ล้อ เริ่มต้น 20-55 บาท และตามประเภทรถและระยะทาง ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อส่วนแบ่งรายได้จากทางด่วนทั้ง 2 เส้นทางที่ส่งให้แก่กองทุน

คงการประมาณการผลประกอบการ คาดอัตราการใช้รถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เรายังคงประมาณการผลประกอบการ โดยคาดจะเห็นการฟื้นตัวของรถใช้ทางด่วนอย่างต่อเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมา การเดินทางขนส่งและการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปี 2023/24F จะได้รับผลบวกจากการปรับขึ้นค่าผ่านทาง

ยังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 9.50 บาท
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมที่ 9.50 บาท อิงจาก DCF (ด้วยสมมติฐาน WACC 4.48%, Rf 3.2% RPM 6.4%, Beta 0.3) ทั้งนี้ ระยะเวลากองทุน TFFIF ยังมีระยะเวลาคงเหลือ 25 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2048 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีแนวโน้มที่จะได้รับสินทรัพย์ใหม่เนื่องจากยังคงรอนโยบายจากภาครัฐ ปัจจัยเสี่ยงมาจากจำนวนรถใช้ทางด่วนที่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้