Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

333

 

วันนี้น่าจะผันผวน แต่ไม่น่ากลัว
การปรับลดลงของ SET INDEX 13.73 จุดวานนี้ หากลงไปดูรายละเอียดพบว่าเกิดจากแรงกดดันของ 4 หุ้นใหญ่ ได้แก่ DELTA, CPALL, AOT และ CPAXT ถึง11 จุด และหากดูหุ้นที่ถูก SHORT หนักๆ ก็จะมีCPALL, AOT และ DELTA ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าแรงกดดันที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาเฉพาะจุด ทิศทางของตลาดฯ ที่เรามองไว้จึงยังไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวคือ เห็นแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐาน ทั้งในมุมของเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียน ที่ดีขึ้น ส่วนการประชุม กนง. วานนี้ผลออกมาตามคาดคือคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% และคาดว่าจะคงอยู่ในระดับดังกล่าวไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่ภาพ GDP GROWTH ได้มีการปรับลดประมาณการลงโดยในปี 2566 คาดโต 2.4% ส่วนปี 2567 กรณีรวม DIGITALWALLET อยู่ที่ 3.8% และกรณีไม่รวม 3.2% ซึ่งก็ยังถือเป็นสัญญาณฟื้นตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง ส่วนดอกเบี้ยสหรัฐ ถูกมองว่าจะปรับลดลงเร็วขึ้นวันนี้เป็นวันที่ MSCI ปรับตัวหุ้น อีกทั้งเป็นวันที่ต้องลุ้นว่า DELTA จะยังอยู่ใน
SET50 รอบต่อไปหรือไม่ คาด SET INDEX ผันผวนในกรอบ 1380 – 1397 จุดแต่ไม่น่ากังวล หุ้น TOP PICK เลือก GULF, SCGP และTISCO


FED อาจปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติม
วานนี้นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการ FED กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับปัจจุบันอยู่ในระดับที่เข้มงวดมากเพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง และทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของ FEDที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 2% นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ FEDอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถหลีกเลี่ยงภาวะ RECESSION ได้ด้วยเหตุนี้จึงทำให้BOND YIELD 10 ปี สหรัฐฯปรับตัวลงแรงกว่า 47 BPS.(MTD) เปรียบเสมือนตอบรับการลดดอกเบี้ยไปแล้ว 1-2ครั้งจนล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.26% ดังรูปด้านล่าง


ขณะที่ในมุมของ FED WATCH TOOL นักลงทุนมองว่า FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.50% ถึงช่วงต้นปีเท่านั้น และจะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่การประชุมเดือน มี.ค.67(ก่อนหน้านี้คาดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือน พ.ค.67) จนสิ้นปีคาดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 4.25%


ดังนั้นการที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯมีโอกาสปรับตัวลงเร็วกว่าคาด หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง และทำให้ FLOW ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้า SET INDEX ในระยะถัดไป เพราะนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม โดยหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์มีอยู่ 4 กลุ่ม ดังนี้
• กลุ่มเช่าซื้อ - THANI, MTC, TIDLOR, SAWAD, ASK, AEONTS, BAM,JMT
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก - KKP, TISCO
• กลุ่มอสังหาริมทรัพย์- SPALI, LH , AP, ORI, QH, SIRI
• กลุ่มที่ให้ปันผลสูง (HIGH YIELD) - NER, ADVANC, SCC, TU, MAJOR
• กลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยจ่ายลด (NET DEBT) – BGRIM, GULF, MINT,CPALL, CRC, TRUE

สรุป FED อาจปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติม ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นได้น่าจะได้รับ SENTIMENT เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าวรวมถึง SET INDEX ส่วนหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯชื่นชอบจากกลุ่มข้างต้น คือ TIDLORSAWAD MTC KKP TISCO LH AP SIRI ADVANC SCC TU เป็นต้น


กนง. คงดอกเบี้ย 2.5% ครั้งแรกในรอบปี
วานนี้ ผลการประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของปีที่ไม่ขึ้นดอกเบี้ย (ในปีนี้ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 5 ครั้งติดต่อกันจาก 1.25% เป็น 2.5%)โดยดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวถือว่าใกล้ NEUTRAL RATE สอดรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ หากไม่มีปัจจัยเข้ามากระทบกับเสถียรภาพ เงินเฟ้อ เศรษฐกิจ อย่างมีนัยฯ ธปท. คาดว่าจะไม่มีการปรับดอกเบี้ยขึ้น/ลงในระยะเวลาอันใกล้นี้และดอกเบี้ยไทยไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงระยะเวลา 1 ปี

 

ขณะเดียวกัน BOND YIELD ระยะยาวของไทยยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หนุนให้ผลต่างBOND YIELD 10 ปีไทย – POLICY RATE ไทย มี GAP แคบลงเรื่อยๆ ล่าสุดอยู่ที่0.47% เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในอดีต พบว่า กนง. มักจะลดดอกเบี้ยภายใน 0-2เดือน หลังผลต่างของ BOND YIELD 10Y – POLICY RATE ของไทย ต่ำกว่า 50BPS. จนถึง0ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดฯ ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินตามกลไกดอกเบี้ยที่ลดลง 25 BPS. (จาก 2.5% เป็น 2.25%) มีโอกาสที่จะเป็นแรงผลักให้SETINDEX ปรับตัวสูงขึ้น 78 จุด และผลักดันไปสู่ดัชนีเป้าหมายปีหน้าที่ 1717 จุด


นอกจากนี้ ธปท. ยังได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจในปี 2566 ลดลงเหลือ 2.4% (เดิมคาด 2.8%) ขณะที่ปี 2567 คาดเศรษฐกิจโต 3.2% (ไม่รวม DIGITAL WALLET) แต่หากรวมผล DIGITAL WALLET คาดจะโต 3.8% (เดิมคาด 4.4%) อย่างไรก็ตามแนวโน้มหลักที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าคาดว่าจะยังมาจากอุปสงค์ภายในประเทศ และการฟื้นตัวของภาคส่งออก ทำให้ ธปท. มองว่าดอกเบี้ย 2.5% เป็นระดับที่เหมาะสมกับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวแล้ว

สรุป กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของปีที่ไม่ขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2566-67 แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ ธปท. มองว่าดอกเบี้ย 2.5% เป็นระดับที่เหมาะสมกับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวแล้ว ทั้งนี้ หากไม่มีปัจจัยเข้ามากระทบกับเสถียรภาพ เงินเฟ้อ เศรษฐกิจ อย่างมีนัยฯ ธปท. คาดว่าดอกเบี้ยไทยไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากในระยะเวลาหนึ่ง

3 เรื่อง กดดันให้ SET ผันผวนส่งท้ายเดือน พ.ย.
วานนี้ SET INDEX ปรับตัวลง -13 จุด มาอยู่ที่ 1387 จุด แรงกดดันหลักมาจาก 4 หุ้นใหญ่กดให้ SET-11 จุด คือ DELTA -5.8%, CPALL -5.5%, AOT -2.5% และ CPAXT-6.4%


ส่วนวันนี้มี 3 เรื่อง กดดันให้ SET ผันผวนส่งท้ายเดือน พ.ย. คือ
1. ปริมาณการ SHORT SELL ยังเยอะอยู่ น่าจะกดดันให้ SET ผันผวนในวันนี้โดยวานนี้มีตลาดมีปริมาณการ SHORT SELL สูงถึง5.13 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 10% ของมูลค่าซื้อขายรวม และส่วนใหญ่เป็นการ SHORTSELL ผ่าน NVDR ถึง 2.49 พันล้านบาท รวมถึงยังเป็นการเลือก SHORTSELL ในหุ้นขนาดใหญ่ที่ลงแรงเมื่อวาน อย่าง CPALL 881 ล้านบาท, DELTA232 ล้านบาท และ AOT417 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งปริมาณการ SHORT SELL
ที่ยังสูงอยู่น่าจะกดดันให้ SET INDEX ผันผวนในวันนี้ต่อได้

2. หุ้น DELTA ผันผวน กังวลจะหลุด SET50 รอบ 1H67 หรือไม่? วานนี้ DELTAปรับตัวลดลง -5.8% ซึ่งอยู่ในช่วงกังวลจะหลุด SET50เพราะ DELTA จะผ่าน
เกณฑ์ SET50 ต้องมีTURNOVER 2% ต่อเดือน (9 ใน 12 เดือน) แต่ตอนนี้ผ่านเกณฑ์แล้ว 8 ใน 12 เดือน แต่TURNOVER ในเดือนนี้ (1-29 พ.ย.) มีแค่1.82% ยังไม่ผ่านเกณฑ์ แต่วันนี้ต้องรอล้น DELTA ยังมีโอกาสผ่านเกณฑ์เหมือนกัน โดยต้องมีมูลค่าซื้อขาย หรือ มี BIGLOT ในวันนี้สูงกว่า 22.5 ล้านหุ้น หรือราว 1.73 พันล้านบาท ซึ่งมีความเป็นไปได้ หากวันนี้มูลค่าซื้อขายวันนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ จากค่าเฉลี่ยเดือนนี้ที่883 ล้านบาทต่อวัน รวมถึงคราวที่แล้ว ยังมีBIGLOTเข้ามาหนาแน่นในวันเดียวกว่า110 ล้านหุ้น


3. MSCI มีการ REBALANCE หุ้นไทยวันนี้ ซึ่งปกติจะเห็นการปรับพอร์ตในช่วงท้ายหลัง 4 โมงเย็น กดดันให้ตลาดหุ้นผันผวนมากกว่าปกติพร้อมกับมูลค่าซื้อขายอาจเข้ามาร้อนแรงช่วงท้าย 2-3 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นไทยที่ถูกลดระดับ คือ BGRIM, EGCO, RATCH และหุ้นที่ถูกคัดออก KEX SABUY,
ONEE, ACE, ASK, TTA, TFG, VIBHA, RAM

ทั้ง 3 ปัจจัย คือ ปริมาณ SHORT SELL สูง, กังวลหุ้นหลุด SET50 และกองทุนปรับพอร์ต ตามดัชนี MSCI น่าจะส่งท้าบให้ SET INDEX ผันผวนมากในวันนี้ แต่กลยุทธ์ยังคงแนะนำ BUY&HOLD มองข้ามความผันผวน เพราะ VALUATION ของตลาดยังอยุ่ในระดับที่น่าสะสมมากๆ โดยมี P/E67F ไม่ถึง 14 เท่า


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

ต่างชาติ ลุยซื้อหุ้นไทย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นนักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อหุ้นไทย วานนี้ จัดไป เกือบ 3,600 ล้านบาท ส่วนในประเทศ พร้อมใจขายอย่าง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้