CPAXT : กลุ่มค้าปลีกดีขึ้นในขณะที่ต้นทุนการขยายกิจการกระทบธุรกิจค้าส่ง

กำไรที่มั่นคงเมื่อ Lotus เห็นการพัฒนาขึ้น
CPAXT รายงานกำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 1.68 พันล้านบาท (+5% YoY/+11% QoQ) ซึ่งพลาดประมาณการของเราและ consensusไป 11% และ 9% ตามลำดับ ผลกำไรได้รับผลกระทบจากจุดอ่อนในธุรกิจขายส่งและการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีก ไตรมาสดังกล่าวได้รับแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) จากการเปิดสาขาใหม่ ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับทุกช่องทาง เราทราบว่าหากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการขายสินทรัพย์ในจีน กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วจะเติบโต 7%

ในขณะที่ธุรกิจขายส่งยังคงขยายตัวต่อเนื่อง (ถึงแม้ฐานจะสูงในปีที่แล้ว) SSSg ก็ชะลอตัวอีกครั้งเป็น 3.2% (เทียบกับ 6% ในไตรมาสก่อนหน้า) สาเหตุหลักมาจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงราคาอาหารสด (ราคาเนื้อหมูที่ลดลง) หากไม่รวมผลกระทบนี้ SSSg จะเพิ่มขึ้น 6.6% อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลง 10bps เป็น 10.5% ส่วนใหญ่มาจากการลดลงในผลการดำเนินงานของ Foodservice APME เนื่องจากการตลาดที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เราทราบว่า Makro ประเทศไทยเพียงที่เดียวที่มี GPM เพิ่มขึ้น 20bps เนื่องจากประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจอาหารสดที่ดีขึ้น

สำหรับธุรกิจค้าปลีก SSSg เพิ่มขึ้นสำหรับประเทศไทยและมาเลเซีย 2.5% (เทียบกับ -0.9% ใน 2Q23) และ 0.6% (เทียบกับ -12.2% ใน 2Q23) ตามลำดับ สำหรับประเทศไทย แม้ว่าร้านค้าจะเห็นเวลาทำการที่สั้นลง แต่กลยุทธ์การขายของธุรกิจเปลี่ยนไปมุ่งเน้นไปที่อาหารสดและอาหารพร้อมปรุง รวมถึงการเพิ่มยอดขายจากหลากหลายช่องทาง ซึ่งช่วยขับเคลื่อนรายได้ สุดท้าย GPM ปรับแคบลง YoY ลง 130bps เนื่องจากกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการขายที่มีเป้าหมายเพื่อตอบโต้เศรษฐกิจที่อ่อนแอ

คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 43.00 บาท – ผลประกอบการใน 3Q23 ที่แข็งแกร่งบ่งชี้ว่า CPAXT กำลังผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและค่าสาธารณูปโภคถึงจุดสูงสุดและมีแนวโน้มลดลงใน 4Q23 และ 2024 เราคาดว่าการท่องเที่ยวต่างประเทศจะฟื้นตัวเพื่อช่วยให้ผลการดำเนินงานของ HoReCa ในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์จากเงินอุดหนุนจากรัฐบาลยังคงมีอยู่มาก