• THG : กำไรเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล

กำไรปรับตัวดีขึ้น QoQ แม้ว่ายอดขาย Jin Wellbeing จะอ่อนแอก็ตาม
เราคาดว่า THG จะรายงานกำไร 3Q23 ที่ 274 ล้านบาท ลดลง 37% YoY แต่เพิ่มขึ้น 114% QoQ การคาดการณ์การลดลง YoY มาจากฐานที่สูงเนื่องจากการขาดรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิด/วัคซีนที่ถูกบันทึกไว้ใน 3Q22 (คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 22% ของรายได้ทั้งหมด) การขาดรายได้นี้ไม่น่าจะถูกชดเชยด้วยรายได้เพิ่มเติมจากธนบุรีตรัง (เปลี่ยนชื่อจาก ตรังรวมพัฒน์ ซึ่งถือหุ้น 55% และรวมกิจการใน 1Q23) แต่เมื่อพิจารณา QoQ รายได้ของโรงพยาบาลควรขยายตัวต่อไป จาก 1) การเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในกรณีของ RSV ไข้เลือดออก และไข้หวัดใหญ่ 2) การปรับปรุงในส่วนต่างประเทศ; Ar Yu คาดว่าจะเห็นการปรับปรุงการดำเนินงานตามฤดูกาล และไม่มีการขาดทุนของ FX สำหรับ Jin Wellbeing อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารวางแผนที่จะเพิ่มยอดขายใน 2H23 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ 50 ยูนิตในปี 2023 (ขายได้เพียง 14 ยูนิตใน 1H23) ทั้งนี้ เราเตือนว่าสภาพแวดล้อมของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจที่ซบเซาจะทำให้เป้าหมายของ THG มีความท้าทาย ดังนั้น เราจึงคาดว่ายอดขายคอนโดมิเนียมจะไม่น่าตื่นเต้นใน 3Q23

ในด้านความสามารถในการทำกำไร เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ใน 3Q23F จะมาอยู่ที่ 40.6% เพิ่มขึ้นจาก 38.9% ใน 3Q22 และ 36% ใน 2Q23 การเพิ่มขึ้น YoY ที่คาดการณ์ไว้เกิดจากการไม่มีรายได้จากวัคซีนซึ่งมีอัตรากำไรที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับบริการผู้ป่วยใน (IPD)/ ผู้ป่วยนอก (OPD) ทั่วไป ในขณะที่การปรับปรุง QoQ น่าจะมาจากการประหยัดจากขนาดที่มากขึ้น ในทำนองเดียวกัน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อการขายควรลดลง QoQ จากประสิทธิภาพ สุดท้าย EBITDA Margin น่าจะอยู่ที่ 23.5% เพิ่มขึ้นจาก 22.7% ใน 3Q23 และ 21.1% ใน 2Q23

4Q23F น่าจะอ่อนตัวลง
กำไรใน 4Q23F น่าจะอ่อนลง QoQ จากฤดูกาล แต่เพิ่มขึ้น YoY จากการเติบโตของ IPD, OPD และ SSO เรายังคงคำแนะนำ “ขาย” สำหรับ THG ต่อไปเนื่องจากการประเมินมูลค่า มูลค่าที่เหมะสมของเราอยู่ที่ 47.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 2023 ที่ 20 เท่า ซึ่งความเสี่ยงที่สำคัญคือ 1) การกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติเร็วกว่าที่คาด 2) การเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลที่สร้างขึ้นใหม่เร็วกว่าคาด และ 3) การปรับปรุงทางเศรษฐกิจ และการกระตุ้นยอดขายของหน่วย Jin