แนวโน้ม 3Q23F คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากในประเทศดีขึ้นแต่ส่งออกคาดลดลง
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากราคาหุ้นปัจจุบันได้ปรับลดลง 18% ในช่วง 1 เดือน สะท้อนผลประกอบการปีนี้ที่ลดลง แต่เราคาดผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q23 แล้ว คาดแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q23F เพี่มขึ้นต่อเนื่องจาก 2Q23 จากรายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดและคาดได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากคู่แข่งที่ปรับราคาเพิ่มขึ้น รวมถึงเริ่มรับรู้รายได้จากการ packaging ขวดเพื่อผลิตเบียร์ แต่รายได้ส่งออกคาดลดลงจากภาพรวมในเมียนมาเกิดภาวะน้ำท่วม เศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวในเมียนมาและกัมพูชา ยังคงประมาณการเดิมคาดผลประกอบการ 4Q23F จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากธุรกิจเดิมและรับจ้างส่งสินค้าธุรกิจเบียร์ที่เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ พ.ย. เป็นต้นไป

บริษัทประกาศต่อสัญญาสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล Carabao Cup
CBG ได้บรรลุข้อตกลงกับ English Football League Limited ในการสนับสนุนการ แข่งขันฟุตบอลในรายการ Carabao Cup ต่ออีก 3 ปีคือ ฤดูกาลการแข่งขันปี2024/2025, 2025/2026 และ 2026/2027 (รวมอายุการสนับสนุนทั้งสิ้น 10 ฤดูกาล ตั้งแต่ 2017/2018 เป็นต้นมา) มูลค่าการขยายการเป็น ผู้สนับสนุนการแข่งขันดังกล่าว รวมทั้งสิ้นประมาณ 18 ล้านปอนด์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 800 ล้านบาท) เราคาดอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาจากมูลค่าการสนับสนุนเท่าเดิม และมองการต่อสัญญานี้จะช่วยสนับสนุนธุรกิจของคาราบาวสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของบริษัทมากยิ่งขึ้น

คาดกำไรสุทธิ 3Q23F เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ
เราคาด CBG จะมีกำไรสุทธิ 3Q23F ที่ 500 ล้านบาท (+4%YoY, +4%QoQ) โดย 1) ยอดขายในประเทศจากลุ่มเครื่องดื่มพลังงานคาดลดลง YoY จากฐานสูง แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ จากการทำการตลาดโปรโมชั่นและยังคงราคาขายปลีก 10 บาทเทียบกับคู่แข่งที่ปรับราคาขึ้น 12 บาท และส่วนแบ่งการตลาดของ CBG คาดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22.3% จากสิ้นปีอยู่ที่ประมาณ 21% และธุรกิจรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้าคาดเพิ่มขึ้น YoY จากจำนวน SKU สินค้าประเภทเหล้าที่เพิ่มขึ้น แต่ลดลง QoQ จากช่วงเทศกาลเข้าพรรษาตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. แต่คาดรายได้รับจ้างผลิตขวดเพิ่มขึ้น จากการเตรียมผลิตสินค้าเบียร์ที่จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือน พ.ย.23 2) คาดยอดขายส่งออกในกลุ่ม CLMV ลดลง จากประเทศเมียนมาเกิดน้ำท่วม ถนนขาดหลายสายส่งผลกระทบต่อการขนส่ง และกัมพูชาคาดทรงตัวจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว คาดอัตรามาร์จิ้นลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากต้นทุนอะลูมิเนียมกระป๋องที่เริ่มปรับลดลง และส่วนประกอบของรายได้รับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้าที่ลดลงซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำกว่า คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลง YoY จากการควบคุมค่าใช้จ่าย และใกล้เคียงเดิม QoQ

เรายังคงประมาณการเดิม ผลประกอบการปีนี้ลดลงและจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า
เราคาดกำไรสุทธิ 9M23F คิดเป็น 64% ของกำไรทั้งปี เราคาดแนวโน้มกำไร 4Q23F เพิ่มขึ้น QoQ จากคาดรายได้ในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากรายได้ธุรกิจเบียร์รับรู้เต็มไตรมาส และส่งออกจะเพิ่มขึ้นทรงตัวจากช่วง low season แต่คาดอัตราทำกำไรจะเพิ่มขึ้นได้ QoQ จากต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มลดลงโดยเฉพาะต้นทุนอะลูมิเนียมกระป๋อง -9%YTD สัดส่วน 15% ของต้นทุนกลุ่มเครื่องดื่ม ช่วยชดเชยกับต้นทุนน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นได้ (สัดส่วน 13% ของกลุ่มเครื่องดื่ม) เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลดลง -15%YoY และปี 2024F -25F คาดเพิ่มขึ้น 40% และ 12% ตามลำดับ จาก 1) คาดส่งออกปีนี้ลดลง 11% จากเศรษฐกิจในกลุ่ม CLMV ที่ชะลอตัว แต่คาดปีถัดไปจะเพิ่มขึ้นปีละ 11% จากกัมพูชาที่เริ่มดีขึ้น การขยายตลาดเวียดนาม การวางแผนการผลิตในประเทศเมียนมาช่วยลดต้นทุน 2) คาดยอดขายเครื่องดื่มพลังงานในประเทศจะดีขึ้นจากการกลยุทธ์ดึง

ส่วนแบ่งการตลาดด้านราคาและการทำโปรโมชั่นร่วมกับไทยรัฐฯทีวี 3) ธุรกิจรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้าและเบียร์เพิ่มขึ้นจากสินค้าใหม่ต่อเนื่อง

เราคาดส่วนแบ่งการตลาดจากเบียร์ปี 2023-25F อยู่ที่ 3%-5% จากมูลค่าตลาด 2 แสนล้านบาท โดยในปี 2023F คาดรับรู้รายได้ 2 เดือน คาดอัตรามาร์จิ้นปีนี้ลดลงจากต้นทุนน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นและการรับจ้างส่งสินค้าประเภทเหล้า/เบียร์ที่มีอัตรามาร์จิ้นต่ำเพิ่มขึ้น

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 95 บาท
เราคาดผลประกอบการ CBG จะกลับมาเติบโต จากสถานการณ์ต่างๆเริ่มปรับดีขึ้นทั้งในประเทศและส่งออกและต้นทุนวัตถุดิบและแพคเกจจิ้งเริ่มปรับลดลง รวมถึงโอกาสการเติบโตของธุรกิจเบียร์ที่มีตลาดใหญ่ เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 95 บาท อ้างอิง PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ CBG ที่ 35X ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่ PER24F ที่ 24X, Dividend Yield 24F ที่ 2.8% ความเสี่ยง : ยอดขายและต้นทุน commodities ที่ไม่เป็นตามคาด, ภาพรวมเศรษฐกิจที่ซบเซา