• RBF : อัตรากำไรที่สูงขึ้น, ผลประกอบการที่มากขึ้น; มูลค่าที่เหมาะสม (TP) เพิ่มขึ้น
แนวโน้มการเติบโตขาขึ้นจะกลับมาดำเนินการต่อในอีก 2 ไตรมาสข้างหน้า
เราคาดว่าจะเห็นผลประกอบการรายไตรมาสสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ 172 ล้านบาท สำหรับ 3Q (+56% YoY, +12% QoQ) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มเติม และแนวโน้มอัตรากำไรจะแข็งแกร่งขึ้นจากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์พร้อมกับแนวโน้มที่ดีขึ้นสำหรับตลาดจีน (2H23F น่าจะเกิน 173 ล้านบาท จาก 1H23A) ซึ่งเราได้ปรับ GPM ของเราขึ้นเพื่อสะท้อนถึงแนวโน้ม GPM ที่เป็นเชิงบวกจากส่วนประสมผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น และช่องทางที่มากขึ้นสำหรับการลดต้นทุนหลังจากการเปิดดำเนินการโรงงานในอินเดียใน 1Q24A ดังนั้น เราจึงปรับมูลค่าที่เหมาะสมเป็น 13.00 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ไว้สำหรับ RBF
กลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้งในขณะที่การฟื้นตัวของ margin สร้างโมเมนตัม
รายได้สำหรับ 3Q คาดว่าจะเติบโต 12% YoY เป็น 1.11 พันล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากยอดขายส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 356 ล้านบาท (+73% YoY, 14% QoQ) หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการขยายผลิตภัณฑ์แต่งกลิ่นและรส (flavor products) ไปยังประเทศจีน อย่างไรก็ตาม GPM น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 37.4% (เทียบกับ 32.1% ใน 3Q22 และ 36.7% ใน 2Q23) เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง และส่วนประสมผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ เราคาดว่ากลุ่มรสชาติจะคิดเป็น 36% ของยอดขายรวม เทียบกับ 30% ใน 3Q22 และ 35% ใน 2Q23 (ดูรูปที่ 2) เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) คาดว่าจะค่อนข้างทรงตัว และเราคาดว่า OPM และ NPM จะเพิ่มขึ้นเป็น 19.3% และ 15.5% ตามลำดับ
ปรับกำไรปี 2024-25F เพิ่มขึ้น 8% ต่อปี เพื่อสะท้อนถึง margin ที่ดี
เมื่อรวมเอาโอกาสที่สดใสในการฟื้นตัวของ margin เราได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ของ GPM ในปี 2024-25F ของเราเป็น 38.6% จาก 37.8% โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับนี้สะท้อนให้เห็นถึงส่วนประสมผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นพร้อมกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มแต่งกลิ่น รส และสี ซึ่งมีอิทธิพลเชิงบวกต่ออัตรากำไรโดยรวม ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเริ่มดำเนินการโรงงานในอินเดียแล้วทั้งนี้ RBF จะสามารถจัดหาแหล่งข้าวสาลีได้ในราคาที่ต่ำกว่า ซึ่งผู้บริหารคาดว่าราคาจะอยู่ที่ 15 บาท/กิโลกรัม เทียบกับ 22 บาท/กิโลกรัม ในไทย, 20-21 บาท/กิโลกรัม ในเวียดนาม และ 18 บาท/กิโลกรัม ในอินโดนีเซีย
มูลค่าที่เหมาะสมของเราอิงจากราคาประเมินที่ 13.00 บาท
เราใช้การประเมินมูลค่าโดยให้มูลค่าที่เหมาะสมปี 2024F ที่ 13.00 บาท โดยอิงจาก P/ E เฉลี่ยของคู่แข่งที่ 32.0 เท่า ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ซึ่งความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ 1) อัตรากำไรขั้นต้นที่ผันผวน (ส่วนประสมผลิตภัณฑ์) และ 2) การกระจายตัวของรายได้ต่ำเนื่องจากจำนวนลูกค้าที่น้อย