VGI ประกาศขายสัดส่วนการถือหุ้น Rabbit Line Pay (RLP) ช่วยลดการรับรู้ขาดทุน
VGI ประกาศขายสัดส่วนการถือหุ้น RLP โดย บริษัท แรบบิทเพย์ ซิสเทม จํากัด (“RPS”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ VGI ได้เข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท แรบบิท-ไลน์ เพย์ (“RLP”) ตั้งแต่ปี 2016 โดยสัดส่วนการถือหุ้น 33.33% โดยขายให้แก่บริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) และบริษัทไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ LINE โดยบริษัทยังไม่มีการแจ้งมูลค่าจากการขายครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะต่ำกว่ามูลค่า Book Value แต่บริษัทจะมีการบันทึกกำไรจากการขายครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีการตั้งด้อยค่าจากการขาดทุนมาโดยตลอด
มุมมองของเรา มองเป็นปัจจัยบวกสำหรับ VGI เนื่องจาก Rabbit Line Pay ทำธุรกิจเกี่ยวกับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-payment) ซึ่งมีการแข่งขันและมีการลงทุนสูง เช่น PromptPay ที่มีผู้ใช้ 55 ล้านคน ครอบคลุมเครือข่ายรัฐบาลและเอกชน ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ใช้ และมีการกระตุ้นการใช้ e-payment จากโครงการรัฐฯเช่น โครงการคนละครึ่ง และ G-Wallet และ e-Wallet แพลตฟอร์มอื่นๆเช่น True, Dtac, ShopeePay, GrabpPay, Dolphin เป็นต้น ดังนั้นการขายหุ้นครั้งนี้จะส่งประโยชน์ต่อ VGI ช่วยลดการรับรู้ขาดทุนลง (ใน 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทรับรู้ขาดทุนจาก RLP ปีละ 60 ล้านบาท) และจะมีการบันทึกกำไรประมาณ 300 ล้านบาท ในไตรมาสที่จะถึงนี้ ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการของเรา
แนวโน้มผลประกอบการที่เหลือของปีนี้ค่อนข้างท้าทาย จากธุรกิจสื่อนอกบ้านคาดเติบโตได้ดีจากภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้านที่กลับมาฟื้นตัว แต่บริษัทยังมีความท้าทายจากการปรับโครงสร้างธุรกิจจากกลุ่มธุรกิจ 1) Digital Services (สัดส่วนรายได้ 32% ของรายได้รวม) ในการเน้นทำการตลาดกลุ่ม Rabbit Group (ไม่รวม RLP ที่ขายครั้งนี้) ซึ่งยังมีการรับรู้ขาดทุน 2) ธุรกิจกลุ่มรายได้ค้าปลีก (สัดส่วนรายได้ 30% ของรายได้รวม) บริษัทได้เริ่มทำ own-brand ของธุรกิจค้าปลีก “Franslink” “ช่วยเพิ่มอัตราทำกำไร แต่บริษัทยังรับรู้ขาดทุนจากและการขยายสาขา Super Turtle ให้บริการเช่าพื้นที่บนรถไฟฟ้ามีเป้าหมายบริษัทปีหน้า 35 ร้านค้า สำหรับบริษัทร่วมทุน KEX คาดยังต้องใช้เวลาจากการแข่งขันด้านราคาในประเทศ
เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 3.70 บาท
เรายังคงแนะนำ “ถือ” รอดูความชัดเจนของการฟื้นตัวธุรกิจ จากแนวโน้มไตรมาสแรกที่ไม่สดใส ทำให้ภาพรวมธุรกิจปีนี้ค่อนข้างท้าทายตามที่กล่าว ยกเว้นธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวตามภาพรวมอุตสาหกรรม ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 3.7 บาท อ้างอิงวิธี sum-of- the part (SOTP) ความเสี่ยง : เศรษฐกิจชะลอตัว