VGI คำแนะนำ: ถือ (ปรับลดจากซื้อ )
ราคาปิด 3.22 บาท ราคาพื้นฐาน 3.40 บาท (เดิม 4.17 บาท)
ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์

• หลังปี 65-66 มีผลขาดทุนน่าผิดหวัง บริษัทคาดว่าปีนีจ้ะฟื้นตัวเป้ารายได้6.5 พนั ลบ.และอัตรากำไรสุทธิ10%
• แต่ประมาณการเรา ให้มีรายได้ 6.2 พันลบ. และอัตรากำไรสุทธิเพียง 6.6% เพราะอัตรากำไรขั้นต้นทำไว้น้อยกว่า
• อีกทั้งบริษัทที่ไปลงทุน เชน่ KEX,JMART,TURTLE ต้องใช้เวลาพิสูจน์ว่าจะฟื้นตวัได้จริงหรือไม่ ยังต้องติดตาม
• ลดคำแนะนำเป็น ถือ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับลงเป็น 3.40 บาท (SOP) หลังปรับลดประมาณการปีนีล้ ง 33%ปี 65-66 มีผลขาดทุนน่าผิดหวังขาดทุนสุทธิเป็น เป็น -65 ล้านบาท เทียบกับ y-o-y ซึ่งเป็น -120 ล้านบาท ก็เป็นขาดทุนที่น้อยลงแต่มีผลมาจากกำไรพิเศษ ซึ่งบริษัทมักจะมีการขายเงินลงทุนออกมา หากไม่นับปี65-66 จะขาดทุนถึง-741 ล้านบาท

สาเหตุสำคัญคือ 1) สัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 41.1% เทียบกับ y-o-y ที่ 30.0% และ2) ขาดทุนตามวิธีส่วนได้เสีย (Eqity Income) เพิ่มถึง -438 ล้านบาท จาก y-o-y ที่ -194 ล้านบาท เพราะส่วนขาดทุนจากเงินลงทุนใน บริษัทร่วม คือ JMART เพิ่มมากขึ้น โดยจากเดิมก็ขาดทุนจากเงินลงทุนใน KEX ก็สูงอยู่แล้ว

ประมาณการของเรา ระมัดระวังกว่าเป้าบริษัท บริษัทคาดว่าปีนี้จะฟื้นตัว เป้ารายได้6.5 พันลบ.และอัตราก าไรสุทธิ10% หรือประเมินกำไรสุทธิเบื้องต้นไว้ที่ราว 650 ล้านบาทนั่นเอง แต่ประมาณการเรา ให้มีรายได้6.2 พันลบ. และอัตราก าไรสุทธิเพียง6.6% เพราะอัตรากำไรขั้นต้นทำไว้น้อยกว่า นั่นคือ ประมาณการกำไรปีนี้เราให้น้อยกว่าเป็น 408 ล้านบาทหรือต่ำกว่า 37% สมมุติฐานที่ต่างกันมากคือ อัตรากำไรขั้นต้นบริษัทคาดไว้ที่ 50% แต่ให้ไว้เพียง 40.7% เพราะอัตรากำไรขั้นต้นในส่วนของธุรกิจค้าปลีก (Distribution) จาก Fanslink และ Turtle นั้นไม่สูงราว 8-10% แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นในส่วนของธุรกิจโฆษณาสื่อนอกบ้าน (OOH) และ Digital จะอยู่ในเกณฑ์ที่สูงก็ตามคือเฉลี่ยได้มากกว่า 50% เมื่อมีอัตราการใช้บริการเพิ่มมากขึ้นก็ตามบริษัทร่วมทุนจะฟื้นตัวได้ตามที่บริษัทฯ คาดหรือไม่ สำหรับ KEX ในปีที่แล้วก็น่าผิดหวัง แม้ใช้กลยุทธ์ลดจำนวนคู่แข่งแต่ก็ไม่ประสบผลส าเร็จ กลับมีผลขาดทุนมากขึ้น ด้าน JMART ในไตรมาสล่าสุดพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ เมื่อบริษัทในกลุ่มคือ SINGER และ SGC มีปัญหาเรื่องการตั้งสำรองหนี้ฯเพิ่ม เพราะมีปัญหา NPLs สูงขึ้น ทาง JMART คาดว่าไตรมาสก่อนหน้าเป็นจุดต่ำสุดแล้ว และไตรมาสนี้จะเป็นขาดทุนน้อยลง และดีขึ้นใน 2H66 แต่เรายังไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ ส่วนTURTLE อยู่ในช่วงขยายงาน ปีนี้จะเปิด Turtle Shop บนสถานีรถไฟฟ้าเป็น 17 แห่ง จากปัจจุบันมี 6 แห่ง ต้องใช้เงินลงทุนสูงปีนี้เป็น 500 ล้านบาท ยังผลให้มีค่าเสื่อมราคาที่สูง และทำให้เกิดภาวะขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่องพัฒนาการที่ดีขึ้น ของบริษัท 1) ยอดจองโฆษณา (Backlog) เข้ามาเยอะ บริษัทคาดรายได้ 1Q66-67F จะออกมาสูง 2)ปีนี้จะให้ส่วนลดโฆษณาน้อยลง ต่างจากช่วงมีโรคโควิด-19 ทำให้รายได้และมาร์จินดีขึ้น 3) แม้ TURTLE มีผลขาดทุน แต่ธุรกิจที่ดีคือ การร่วมทุนกับ Super Rich ซึ่งผลเป็นกำไร บริษัทจะขยายจาก 3 สถานีเพิ่มเป็น 20 สถานีภายใน 3 ปี 4)ค่าใช้จ่ายขาย-บริหารที่สูงในปี 65-66 ที่ผ่านมาสูงผิดปกติ เพราะ Fanslink และ R-Cash ขยายงาน สำหรับ R-Care เตรียมตัวเข้าตลาดฯต้องปรับระบบบัญครั้งใหญ่ มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มเป็นรายการเกิดขึ้นครั้งเดียว บริษัทจึงคาดว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะปรับลงได้และ 5) อัตราการใช้บริการโฆษณาบนรถไฟฟ้า (Utilization Rate) ปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 50-60% จากปีที่แล้ว 45%

ลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิม ซื้อ สำหรับ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับลงเป็น 3.40 บาท (SOP) หลังปรับลดประมาณการปีนี้ลง ในอัตราถึง 33% และประเมินด้วยวิธี SOP (Sum of Parts) ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้ราว 6% รวมกับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเป็น 2.5% ทั้งนี้บริษัทได้ประกาศปันผลงวดสุดท้ายปีล่าสุดที่อีก 0.04 บาท XD 25 ก.ค.66 และจ่ายปันผล 18 ส.ค.66 ส่วนแผนเพิ่มทุน 560 ล้านหุ้น แบบ General Mandate ไม่ควรให้น้ำหนักมาก เพราะบริษัทจะขอเผื่อไว้เท่านั้น

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : sombata@th.dbs.com : Tel. 02 857 7835