สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 29 สิงหาคม 2566)--ธนาคารกรุงเทพ ปล่อยกู้ บางจากฯ วงเงินรวมไม่เกิน 3.2 หมื่นล้านบาท เข้าซื้อหุ้น เอสโซ่ พร้อมต่อยอดบริการด้านการเงินครบวงจร ด้านบางจากฯ มั่นใจการเข้าซื้อหุ้นเอสโซ่ครั้งนี้จะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ เสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มการเข้าถึงพลังงานของผู้บริโภค คาดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 66
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคาร และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ("บางจากฯ") ได้ร่วมกันลงนามในสัญญาวงเงินสินเชื่อระยะยาววงเงินรวมไม่เกิน 32,000 ล้านบาท แก่ บางจากฯ เพื่อใช้สำหรับการเข้าซื้อหุ้นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ("ESSO") โดยแบ่งเป็นวงเงินสำหรับการเข้าซื้อหุ้น ESSO จาก ExxonMobil Asia Holding Pte. Ltd. และวงเงินสำหรับการทำคำเสนอซื้อหุ้น ESSO ส่วนที่เหลือจากผู้ถือหุ้นรายย่อยตามที่กฎหมายกำหนด (Mandatory Tender Offer)
"ธนาคารมีความยินดีที่ได้ให้การสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ บางจากฯ สำหรับการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมด้านพลังงานของประเทศไทย และมีความเชื่อมั่นว่าจะยิ่งต่อยอดศักยภาพทางธุรกิจของบางจากฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในอนาคต โดยธนาคารกรุงเทพพร้อมเป็น "เพื่อนคู่คิด" ที่พร้อมสนับสนุนในเรื่องอื่น ๆ ในอนาคตต่อไป และเติบโตอย่างมั่นคงไปด้วยกัน" นายชาติศิริ กล่าว
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่ได้รับการสนับสนุนด้านสินเชื่อจากธนาคารกรุงเทพ เพื่อเข้าซื้อหุ้น ESSO ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ดีลดังกล่าวเดินหน้าได้ตามแผนกลยุทธ์ โดยบริษัทฯ จะเข้าซื้อหุ้น ESSO จำนวน 65.99% จาก ExxonMobil Asia Holding Pte. Ltd. ตามระยะเวลาที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ ESSO ตามกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดต่อไป โดยนอกจากเงินกู้จำนวนดังกล่าวแล้ว บางจากฯ จะใช้แหล่งเงินทุนของบริษัทเองอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเข้าทำธุรกรรมซื้อหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2566
"ผมขอขอบคุณธนาคารกรุงเทพที่เชื่อมั่นในศักยภาพและได้ให้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็งต่อบางจากฯ ตลอดระยะเวลาในการทำธุรกรรมตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงขั้นตอนการปิดดีลนี้ บางจากฯ รู้สึกยินดีที่ธนาคารกรุงเทพเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในก้าวสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ของกลุ่มบริษัทบางจากและของธุรกิจพลังงานไทยในวันนี้ ในฐานะผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานที่มีธุรกิจอยู่ใน 10 ประเทศทั่วโลก เราให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคมมาโดยตลอด สินเชื่อที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศและสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ได้สะดวกขึ้น เราจะไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาและก้าวต่อไปเพื่อ "รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว" ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ"
***คาดบุ๊คกำไรซื้อ ESSO ใน Q3/66***
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ฯ วันนี้ว่า BCP ประกาศราคาซื้อหุ้น ESSO ที่9.8986 บาท/หนุ้ โดยเข้าซื้อหุ้น 2,283.75 ล้านหุ้น คิดเป็น 65.99% ของหุ้นเรียกชำระแล้วทั้งหมด จาก ExxonMobil Asia Holding Pte.ชำระเงินวันที่ 31 ส.ค.23และ BCP จะทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือประมาณ 1,177.11 ล้านหุ้น คิดเป็น 34.01%ในราคาเดียวกันที่ 9.8986 บาท/หุ้น ในช่วงต้นก.ย.-กลางต.ค.23ใช้เงินลงทุนรวม 3.42 หมื่นล้านบาท
กำลังการผลิตเพิ่มเป็นเท่าตัวประสิทธิภาพสูงขึ้น - โรงกลั่น BCP จะมีกำลังผลิตสูงสุดในไทยที่ 2.94 ล้านบาร์เรล/วันหลังเข้าซื้อ ESSO สามารถเข้าถึง 2 ท่อส่งน้ำมันทำให้มีความมั่นคงด้านซับพลายมากขึ้น และลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นด้วย นอกจากนั้นจะมี Yield ดีขึ้นจากการมีความยืดหยุ่นในใช้วัตถุดิบและปรับสัดส่วนน้ำมันกลั่นที่มากขึ้น
จำนวนสถานีบริการหลังซื้อกจิการจะเพิ่มเป็นประมาณ 2,200 แห่ง สว่ นแบ่งการตลาดขยับขึ้น เป็นอันดับ 2ที่ 29% (มาจาก ESSO ราว 750 แห่ง) ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสทำ cross-selling ได้มากขึ้นและสร้างการเติบโตในอนาคต
BCP คาดว่าจะมี Synergy benefits ราว 2-3 พันล้านบาทหลังรวมกิจการ มาจากประสิทธิภาพที่ดีขึ้นทั้งการใช้วัตถุดิบ, การดำเนินงานของโรงกลั่น, การขนส่ง และการลดค่าใช้จ่ายโสหุ้ยต่างๆ
แหล่งที่มาของเงินในการซื้อกิจการทั้งหมด มาจากการกู้ยืมราว 50-60% และเงินสดที่มีอยู่ในมือ ซึ่งจะทำให้D/Eratio เพิ่มเป็น 1.3 เท่า (จาก 0.9 เท่า) แต่ยังต่ำกว่าระดับ covenant ที่ 2.0 เท่ามาก
ผู้บริหารคาดจะมีกำไรก่อนภาษีจากการซื้อกจิการราว 10-15 พันล้านบาทบันทึกเข้ามาใน 3Q23F เนื่องจากราคาที่ซื้อต่ำกว่ามูลค่ากิจการสุทธิ โดย BCP จะเริ่มทางบรวมกับ ESSO ตั้งแต่ก.ย.23
ค่าการกลั่นใน 2H23F ดีขึ้น หลังลงไปต่ำสุดใน 2Q23 หนุนโดยอุปสงค์เพิ่มขึ้น และสินค้าคงคลังอยู่ในระดับต่ำทั้งนี้ค่าการกลั่นน้ำมัน JET/ดีเซล/เบนซินงวด 3Q23-QTD เพิ่มขึ้น +69%/+71%/+16%
คงคำแนะนำซื้อ BCP ให้ราคาพื้นฐาน 43 บาท (ยังไม่รวมมูลค่าจากการซื้อ ESSO) ทั้งนี้โรงกลั่นบริษัทเป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่มีoperating cash cost ต่ำ และมี market GRM สูงเป็นอันดับ 2 ด้านผลประกอบการ 2H23F ก็มีทิศทางฟื้นตัวชัดเจน และจ่ายปันผลสูง คาด DY ปีนี้ไว้ราว 5% ต่อปี
///จบ///