สรุปประเด็นจาก SET Opportunity Day
• บริษัทเห็นผลจากการทำตลาด : ทำให้ยอดขายเติบโตเร็วกว่าตลาด ใน 2Q23 รายได้ของบริษัทโต 30% เมื่อเทียบกับตลาด 15% ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นผลมาจากการทำตลาดในช่วงที่ผ่านมา และบริษัทยังคงเน้นการทำสื่อและการตลาดในช่องทาง Social และ Digital media อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์และสินค้า
• สินค้า Anti-gravity cream เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม และยอดขายเติบโตได้ดีตั้งแต่ 2Q23 โดยมีแผนที่จะขยายสินค้าใหม่เข้าสู่ UV cream และ Serum
• ออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง : บริษัทมีการออก Ampoule Serum ที่มีความเข้มข้นเพื่อตอบรับกระแสในตลาด สำหรับ Sis2Sis มีการออกผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อวางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดและร้านค้าทั่วไปมากขึ้น จากเดิมที่จำหน่ายแค่ในร้านสะดวกซื้อ
• เพิ่ม Shelf ของบริษัทเอง : เพื่อให้สินค้าเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น บริษัทจะมีการจัดทำ Own Shelf Space ในโมเดิร์นเทรด เช่น Watsons และ EveandBoy ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 200 จุด
• โอกาสช่องทางออนไลน์ : บริษัทเริ่มมีการขายสินค้าผ่าน Live ในช่องทาง market place เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายอีกทาง
• ตลาดในประเทศรักษาส่วนแบ่งตลาด : เป้าหมายในการรักษาส่วนแบ่งตลาดและการเติบโตในอันดับต้นๆ ของตลาด จากแผนงานในการเพิ่มสินค้า เพิ่มช่องทางจำหน่าย และสร้างแบรนด์
• ตลาดต่างประเทศยังคงท้าทาย : ปัจจุบันรายได้ต่างประเทศมีสัดส่วนเพียง 3% ของรายได้รวม ซึ่งบริษัทกำลังหารูปแบบธุรกิจที่เหมาะสม และกำลังศึกษาที่จะเข้าสู่ตลาดใหม่ อาทิ การขายในช่องทาง E-Commerce ในจีน, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งคาดจะได้ผลจากการใช้พรีเซนเตอร์ของแบรนด์ที่มีฐานแฟนคลับในแต่ละประเทศ

คงแนะนำ “ถือ” เรายังรอการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง
เรายังคงมุมมองปกติสำหรับ KISS จากโดยปกติแล้วใน 3Q เป็น Low season ของธุรกิจ และสำหรับ 2H23F ยังคงต้องรอการฟื้นตัวให้ชัดเจนมากขึ้น แต่เรามองว่าแนวโน้มผลประกอบการใน 2H23F จะดีขึ้น HoH จากคาดค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่ด้วยปีที่แล้วบริษัทมีฐานที่สูงจากยอดขายสินค้าสเปรย์ “Covitrap” ในช่วง 3Q-4Q22 ซึ่งปัจจุบันยอดขายลดลงไปมาก ดังนั้น จึงมีแนวโน้มที่กำไรในครึ่งปีหลังจะยังไม่ฟื้นตัว YoY เราจึงแนะนำเพียง “ถือ” ด้วยมูลค่าเหมาะสม 6 บาท