• CKP : ฝนกำลังมา

ปริมาณน้ำเริ่มเพิ่มขึ้น, คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เรารู้สึกโล่งใจมากขึ้นหลังจากเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ของ CKP ซึ่งเรารู้ว่าฝนตกหนักในช่วงต้นเดือน ส.ค. ได้ทำให้น้ำไหลเข้าฝั่งที่โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) และไซยะบุรี หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปและฤดูฝน (ซึ่งมาช้าในปีนี้) ไม่ยุติลงก่อนกำหนด ผลประกอบการ 4Q น่าจะดีขึ้น YoY อย่างไรก็ตาม กำไรใน 3Q น่าจะยังต่ำกว่า YoY (แต่ดีขึ้น QoQ) ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” เพื่อการลงทุนระยะยาว เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่า -2 stdev ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

ฝนตกหนักในต้นเดือนสิงหาคมมีแนวโน้มที่จะต่อเนื่องไปถึงเดือนพฤศจิกายน
ดูเหมือนว่าฤดูฝนปีนี้มาช้ากว่าปกติ ฝนตกหนักเพิ่งเริ่มในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน-พฤษภาคมปีที่แล้ว และคาดว่าจะสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ถึงกระนั้น ปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักในต้นเดือนสิงหาคมได้เพิ่มระดับอ่างเก็บน้ำของ NN2 จากระดับต่ำสุดที่ 345 ม. และ 347 ม. ในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมเป็น 363 ม. ในปัจจุบัน ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุด 364 ม. ที่เห็นในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว อีกทั้งสภาพอากาศที่เปียกชื้นมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป ดังนั้น การไหลของน้ำใน 4Q จะมีแนวโน้มดีขึ้น YoY การไหลของน้ำของไซยะบุรีดีขึ้นอย่างมากจากฝนตกหนักเมื่อต้นเดือนนี้ ทำให้สามารถใช้ความจุได้เกือบเต็มที่

ผลประกอบการใน 3Q น่าจะยังต่ำกว่า YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากฤดูกาล
เมื่อฝนมาถึงปลายปีนี้ ปริมาณการขายไฟฟ้าของ NN2 ใน 3Q ได้ประกาศไว้ที่ 424GWh ลดลง 25% YoY ไซยะบุรีน่าจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ NN2 แต่ด้วยดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น (80% ของเงินกู้ของไซยะบุรีเป็นแบบลอยตัว) ในขณะเดียวกัน ผลประกอบการของโรงไฟฟ้า BIC น่าจะสูงขึ้นเนื่องจากอัตราการลดลงของต้นทุนก๊าซที่แซงหน้าค่า Ft ที่ลดลง โดยสรุป เราคาดว่าผลประกอบการใน 3Q23 ของ CKP จะลดลง YoY (จากปริมาณน้ำที่ลดลง) แต่ดีขึ้น QoQ เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ

การประเมินมูลค่าที่น่าดึงดูด ; คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 4.70 บาท
เราคงตามประมาณการและมูลค่ายุติธรรมของเราที่ 4.70 บาท จากการประเมินมูลค่า DCF และการประเมินค่าจากส่วนประกอบต่างๆของธุรกิจ เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยพิจารณาจากผลประกอบการที่คาดว่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังและปี 2024 รวมถึงการประเมินมูลค่าหุ้นในราคาถูก ซึ่งความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ ความไม่พึงพอใจของน้ำไหลเข้า ต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ค่าเงินบาทที่แข็งค่า และการปิดโรงไฟฟ้าโดยไม่ได้วางแผน