สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 26 กรกฎาคม 2566)--- นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) SCC เปิดเผยว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2566เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 124,631 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจ สาเหตุหลักจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง และมีกำไรสำหรับงวด8,082 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่จากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ ประกอบกับเงินปันผลรับในไตรมาสที่2 ปี 2565สูงกว่าปกติจากการปรับรอบเงินปันผลของบริษัทที่เอสซีจีลงทุนในธุรกิจอื่น ขณะที่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 มีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในธุรกิจอื่น 2,866 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี2566เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 253,379 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจ จากสถานการณ์ตลาดที่อ่อนตัว และมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 24,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31จากช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนใหญ่จากกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนรวม 14,822 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566เอสซีจีมีสินทรัพย์รวม เท่ากับ 942,018 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565จ านวน35,528 ล้านบาท
บริษัทฯ ขอเรียนว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี2566ในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาทโดยเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าวจ่ายจากกำไรที่เสียภาษีในอัตราร้อยละ20 ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาสามารถขอเครดิตภาษีคืนได้ 1เท่ากับเงินปันผลคูณ 20/80 โดยบริษัทฯ จะหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 10
ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าวให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับบริษัทตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม 2566 (จะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันพุธที่ 9 สิงหาคม 2566) โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566และให้รับเงินปันผลภายใน 10 ปี