เปิดใช้งานสายสีเหลืองและสีชมพู
Key Point :
ปีนี้เริ่มรับรู้รถไฟฟ้าใหม่สายสีเหลืองและสีชมพู จะเข้าชดเชยรายได้จากงานก่อสร้างที่ลดลงตามโครงการที่ใกล้เสร็จได้บ้างส่วน หลังเปิดใช้งานจะได้ค่าก่อสร้างคืนทั้ง 2 เส้นทางปีละ 4.76 พันล้านบาท เป็นเวลา 10 ปี ทำให้กระแสเงินสดดีขึ้น VGI (บริษัทย่อย) ฟื้นตัวตามผู้โดยสารบีทีเอส การเรียกชำระค่า E&M ยังต้องรอรัฐบาลใหม่ และ O&M อยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุด แต่มีสัญญาณในเชิงบวก ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 9.50 บาท

ปีนี้รายได้ธุรกิจเดิมจะลดลง
รายได้ในธุรกิจเดิมจะลดลง จาก
1) MOVE รายได้ลดลง จากรายได้ก่อสร้างสายสีเหลือง-สีชมพูที่ลดลงเป็นหลัก โดยปีนี้ BTS จะรับรู้รายได้ส่วนนี้ที่ 2,900 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่รับรู้รายได้ 5,848 ล้านบาท เพราะโครงการใกล้เสร็จ ส่วนรับจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีทองคาดเพิ่มขึ้นเป็น 6.9 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 6.8 พันล้านบาท
2) MIX รายได้ดีขึ้น และมาชดเชย MOVE ได้ส่วนหนึ่ง จาก VGI ฟื้นตัว จากผู้โดยสารบีทีเอสดีขึ้นหลังตามสถานการณ์โควิด โดยคาดการณ์ผู่โดยสารปี 23/24 อยู่ที่ 243 ล้านคน เพิ่มขึ้น 48.7% y-y เป็นปัจจัยให้การซื้อโฆษณาฟื้นตัวขึ้น โดยคาดปีนี้จะมี U Rate ที่ 55-60% จากปีก่อนที่ 45% อยู่ในระดับเดียวกับก่อนโควิด ธุรกิจดิจิทัลเติบโตจากการขยายธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัยและผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ RCare และ Fin Tech ของ RCash รวมถึงค่าบัตร โดยสารบีทีเอสและค่าธรรมเนียมของ RCard, การขยายธุรกิจของ TURTLE และแฟนสลิ้งฯที่เพิ่มสินค้า House Brand เพิ่มอัตรากาไรขั้นต้น
3) บริษัทร่วม คาดผลประกอบการดีขึ้น โดย BTSGIF กำไรดีขึ้นจากผู้โดยสารปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 163 ล้านคน, RABBIT อยู่ระหว่างเปลี่ยนธุรกิจจากอสังหาฯเป็นการเงิน ซึ่งล่าสุดได้เข้าถือหุ้นในบริษัทบริหารสินทรัพย์ ไพร์มโซน 70% และอยู่ระหว่างขายสินทรัพย์อีก 3 หมื่นล้านบาท, รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มปีจาก TNL จากปีก่อนรับรู้ตั้งแต่ 7 ธ.ค. 65 ซึ่งปล่อยกู้ปล่อยสินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์ค้าประกันสำหรับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีรายได้สูง

รายได้ใหม่จากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู
รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเปิดทดลองวิ่ง 3 มิ.ย. และคาดเริ่มเก็บค่าโดยสารได้ต้น 3 ก.ค. และรถไฟฟ้าสายสีชมพูเส้นทางหลักคาดจะเปิดได้ต้นปี 2567 ส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานีก่อสร้างไปแล้ว 21% ทั้ง 2 สาย เป็นสัญญาแบบ PPP Net Cost โดย BTS เป็นเดินรถไฟฟ้าและเก็บค่าโดยสารเอง สายสีเหลืองมีอัตราค่าโดยสาร 15-45 บาท ปีแรกคาดผู้โดยสารใช้บริการ 1.0-1.3 แสนคน คาดค่าโดยสารเฉลี่ย 30 บาท/เที่ยว ในปีแรกจะมีรายได้ 1,100-1,400 ล้านบาท ภายหลังเปิดใช้งานทาง รฟม. จะชำระคืนค่าก่อสร้าง (Subsidy) ปีละ 2.51 พันล้านบาท เป็นเวลา 10 ปี ส่วนสายสีชมพูคาดว่าจะคล้ายกับสายสีเหลืองทั้งในแง่ผู้โดยสารและค่าโดยสาร แต่เงิน Subsidy จะอยู่ที่ 2.25 พันล้านบาท/ปี จะทำให้กระแสเงินสดของบริษัทดีขึ้น

E&M ต้องรอรัฐบาลใหม่ ส่วน O&M ยังอยู่ในชั้นศาล
หลังจากที่ผู้ว่าชัชชาติและผู้บริหารของบีทีเอสหารือแนวทางแก้ไขปัญหาภาระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว เรื่องหนี้ค่าจ้างการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) ส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการและหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต มูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท เป็นไปในทางบวก โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ สภา กทม. เดือน ก.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องให้ ครม. อนุมัติ ซึ่งต้องรอรัฐบาลใหม่ เพราะรัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติได้ตามระเบียบ กกต. ส่วนค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) อยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุด หลังจากศาลปกครองกลางได้ตัดสินให้ BTS ชนะ และให้ กทม.และกรุงเทพธนาคมชำระค่า O&M ก้อนแรกตั้งแต่ เม.ย. 60 - พ.ค. 64 แต่ทาง กทม. ได้อุทธรณ์ ไปศาลปกครองสูงสุด ซึ่งการตัดสินของศาลปกครองสูงสุดจะเป็นแนวทางในการเรียกชำระค่า O&M ในส่วนที่เหลือต่อไป

ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 9.50 บาท
ทางฝ่ายปรับคาดการณ์รายได้ปี 2567 เป็น 16,881 ล้านบาท -7.8% y-y โดยยังไม่ได้รวมรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู โดยในช่วงทดลองเดินรถครบทั้ง 23 สถานี มีผู้โดยสารสูงสุด 7.3 หมื่นคน/วัน คงต้องดูหลังเก็บค่าโดยสารจำนวนผู้โดยสารจะเป็นอย่างไร รวมถึงต้นทุนในการเดินรถ และคาดกำไรที่ 2,556 ล้านบาท บนวิธี SOTP หลังปรับมูลค่าเงินลงทุน ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 9.50 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

สยาม ติยานนท์
นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #17970
โทร: 66 2 635 1700 # 48313