Today’s NEWS FEED

News Feed

บอร์ด OSP อนุมัติขายสินทรัพย์ทั้งหมดในธุรกิจVending Machine ให้SBNEXT มูลค่าไม่เกิน 320 ลบ. /ปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.80 บาทต่อหุ้น หลังขายหุ้น ยูนิ.ชาร์ม

587


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(22 มิถุนายน 2566)---- นางวรรณิภา ภักดีบุตร Chief Executive Officer บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) OSP เปิดเผยว่าการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2566 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 ได้พิจารณาและมีมติที่สำคัญสรุปได้ดังนี้

1. มีมติอนุมัติแต่งตั้งให้นางสาวคามิลล์มา (กรรมการอิสระ) ดำรงตำแหน่ง กรรมการตรวจสอบ และกรรมการบริหารความเสี่ยง โดยให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่22 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป


2. มีมติอนุมัติให้ขายสินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินงานทั้งหมดของบริษัท เอเชีย เวนดิ้งแมชชีน โอเปอร์เรชั่น จำกัด(“AOC”) ซึ่งประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่ม อาหารและสินค้าอื่น ๆ ผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ(Vending Machine) ให้แก่บริษัท สบาย คอนเน็กซ์เทค จำกัด (มหาชน) (“SBNEXT” หรือ“ผู้ซื้อ ”) หรือบริษัทในเครือของผู้ซื้อที่ผู้ซื้อจะกำหนด โดยมีมูลค่าการขายสินทรัพย์เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 320 ล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ(Vending Machine) ที่อยู่ในสภาพดีที่สามารถส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อได้ในวันส่งมอบ ซึ่งคือวันที่31 กรกฎาคม 2566 (closing date) โดยภายหลังจากที่ AOCดำเนินการขายสินทรัพย์ทั้งหมดและดำเนินการโอนสัญญาที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานให้แก่ผู้ซื้อแล้วเสร็จAOC จะหยุดการดำเนินธุรกิจ และจะเริ่มเข้าสู่การเตรียมการเพื่อเลิกกิจการภายในปี พ.ศ. 2568 เพื่อให้สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ


3. มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสม ในอัตรา 0.80 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจำนวนประมาณ2,403.00 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งพิเศษจากเงินที่บริษัทฯ ได้รับจากการจำหน่ายหุ้นของบริษัท ยูนิ.ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด (“ยูนิชาร์ม”) ที่โอสถสภาถือหุ้นส่วนน้อย รายละเอียดตามสารสนเทศที่บริษัทฯ ได้เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่5 กรกฎาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่20 กรกฎาคม 2566โดยเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าวจะจ่ายจากกำไรสะสมของกิจการที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ20 ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาสามารถขอเครดิตภาษีคืนได้ในอัตรา 20/80 ของเงินปันผล


มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ซึ่งประกอบด้วยการปรับเปลี่ยนองค์กร (corporate transformation) และการบริหารจัดการการลงทุนของกลุ่มโอสถสภาในรูปแบบ portfolio optimization ที่มุ่งเน้นการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจหลัก (core business) ที่บริษัทฯ สามารถใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางการแข่งขัน (competitive advantage) เพื่อประโยชน์และผลตอบแทนสูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น โดยหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญคือการยกระดับการบริหารความเสี่ยงให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตจากภายนอก (inorganic growth) ผ่านการเข้าลงทุน หรือการควบรวมและซื้อขายกิจการในอนาคต เป็นผลให้บริษัทฯ พิจารณาอนุมัติการแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบ และกรรมการบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติม ซึ่งสอดคล้องกับแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่บริษัทจดทะเบียนพึงปฏิบัติ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ที่จะทำให้บริษัทฯ บรรลุตามวัตถุประสงค์ตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการแต่งตั้งกลุ่มงาน Corporate Strategy and Investment Group เพื่อรองรับและสนับสนุนการเติบโตจากภายนอก และการบริหารจัดการการลงทุนของกลุ่มในรูปแบบ portfolio optimization ของบริษัทฯ ตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวต่อไป

เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการการลงทุนของกลุ่มโอสถสภาตามที่กล่าวข้างต้นนั้น บริษัทฯ จึงได้พิจารณาและมีมติอนุมัติการจำหน่ายสินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินงานทั้งหมดของ AOC ซึ่งการเข้าทำรายการดังกล่าวนั้น จะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถนำเงินที่ได้รับจากผู้ซื้อ ตลอดจนทรัพยากรทั้งหมดที่ลงทุนไปสำหรับการดำเนินธุรกิจของ AOC กลับคืนมาเพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจหลัก (core businesses) ที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ดีการจำหน่ายสินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินงานทั้งหมดของ AOC จะไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทฯ เนื่องจาก (1) ยอดขายสินค้าของบริษัทฯ ในปัจจุบันผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ของ AOC คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.2 ของยอดขายสินค้ารวมของบริษัทฯ และ (2) บริษัทฯ เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ ในปัจจุบันที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ(Vending Machine)ของ AOC จะยังคงสนับสนุนและซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผ่านช่องทางเดิมต่อไป ภายหลังจากที่ AOC ได้ดำเนินการส่งมอบเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine)แก่ SBNEXT ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ AOC ดำเนินการขายสินทรัพย์ทั้งหมดและดำเนินการโอนสัญญาที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานให้แก่ผู้ซื้อแล้วเสร็จ AOC จะหยุดการดำเนินธุรกิจ และจะเริ่มเข้าสู่การเตรียมการเพื่อเลิกกิจการภายในปี พ.ศ. 2568เพื่อให้สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการโอนสินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินงานทั้งหมดของ AOC ให้แก่ผู้ซื้ออย่างไร้รอยต่อ (seamless transition)ด้วยความระมัดระวัง (due care) อย่างดีที่สุดเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดของ AOC


การขายสินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินงานทั้งหมดของ AOC ถือเป็นการขายสินทรัพย์ภายใต้ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 20/2551เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยส าคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินและประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (รวมเรียกว่า “ประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์”) โดยมีขนาดรายการสูงสุดเท่ากับร้อยละ 1.2% ตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน อ้างอิงจาก
งบการเงินระหว่างกาลงวด 3 เดือนฉบับสอบทานของโอสถสภา ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566และหากรวมขนาดรายการจำหน่ายซึ่งสินทรัพย์ที่เกิดขึ้น 180วันย้อนหลังก่อนวันเข้าทำรายการ ขนาดของรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ คิดเป็นร้อยละ 12.5% จึงไม่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญตามหลักเกณฑ์ของประกาศเรื่องรายการได้มาหรือจ าหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์บุคคลที่ได้รับผลประโยชน์จากการทำธุรกรรมในครั้งนี้ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องใด ๆ กับโอสถสภา จึงไม่เข้าข่ายการเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 21/2551เรื่อง หลักเกณฑ์ในการเข้าท ารายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม)


ทั้งนี้ จากการจำหน่ายธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (non-core business) ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสมและคุ้มค่า บริษัทฯ จึงได้พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมเป็นกรณีพิเศษ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้แก่ผู้ถือหุ้นต่อไป โดยส่วนหนึ่งของกำไรสะสมที่นำมาใช้เพื่อจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นกรณีพิเศษในครั้งนี้มาจากผลตอบแทนที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นของยูนิชาร์ม ที่โอสถสภาถือหุ้นส่วนน้อย รายละเอียดตามสารสนเทศที่บริษัทฯได้เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 โดยบริษัทฯ เชื่อว่าการจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นกรณีพิเศษในครั้งนี้ถือเป็นการตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จากการเข้าลงทุนของบริษัทฯ ในยูนิชาร์ม ซึ่งดีกว่าการรอรับเงินปันผลจากยูนิชาร์มเป็นรายปี เนื่องจาก ตลอดการเข้าลงทุนในยูนิชาร์มเป็นระยะเวลาเกือบ 36 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ เคยได้รับเงินปันผลจากยูนิชาร์มในปี 2562-2566 เท่านั้น เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 821.3 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 22.81ล้านบาทตลอดระยะเวลาการลงทุน 36 ปีทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นกรณีพิเศษให้แก่ผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องสูง เป็นผลให้บริษัทฯสามารถบริหารจัดการเงินทุนของบริษัทฯ ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจหลัก (corebusiness) ตลอดจนการเติบโตจากภายนอก (inorganic growth) เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนต่อไป

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้