HotNews : OSP ปักหมุดปี 62 รายได้โตไม่ต่ำกว่า 5%

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (28 พฤษภาคม 2562) OSP มั่นใจรายได้ปี 62 โตไม่ต่ำกว่า 5% ตามการเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ พร้อมเล็งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2-3 รายการ เครื่องดื่ม Pepteen Plus ผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ออกแกนิค และเบบี้มายด์ Sweet almond พร้อมเตรียมบุกตลาดต่างประเทศเพิ่มเล็งเวียดนามและจีน  ขณะที่คาดแนวโมผลงานไตรมาส 2/62 โตดีต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา

 

นางพรธิดา บุญสา กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการสายการเงิน บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 2562 เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ตามการเติบโตของยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม รวมถึงธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ที่บริษัทฯรับจ้างผลิตขวดแก้วได้กลับมาเดินเครื่องตามปกติหลังจากปิดปรับปรุงไปเมื่อปีก่อน

 

อีกทั้งบริษัทฯยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีนี้บริษัทฯเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2-3 รายการ ได้แก่ เครื่องดื่ม Pepteen Plus ผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ออกแกนิค และเบบี้มายด์Sweet almond และมีแผนที่จะบุกตลาดในต่างประเทศเพิ่มโดยบริษัทฯคาดว่าจะเข้าบุกตลาดในประเทศเวียดนามและจีน

 

 

 

ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62 บริษัทฯคาดว่ายังคงเติบโตได้ดีอย่างเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา ที่บริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 6,573.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 888.26 ล้านบาท ตามดีมานด์ที่ยังคงดีอยู่ ด้านทิศทางกำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงดีด้วยเช่นกันถึงแม้จะมีปัจจัยกดดันในเรื่องของการเมืองเข้ามาก็ตาม

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมขยายการผลิตรองรับการเติบโตของธุรกิจ ด้วยการสร้างโรงงานหลอมแก้วใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตขวดแก้วในอนาคต โรงงานแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เป็นโรงงานผลิตขวดแก้วที่มีประสิทธิภาพสูงในระดับโลก สามารถผลิตขวดแก้วที่บางและมีน้ำหนักเบา เอื้อต่อการบริหารจัดการต้นทุน โดยจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2562 ในขณะที่โรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมติละวา กรุงย่างกุ้ง เมียนมาร์ ได้เริ่มดำเนินการตอกเสาเข็มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีความคืบหน้าในการก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4/2562

 

ด้านการลงทุนในต่างประทศ ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ส่งบริษัท Oventure Pte. Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ถือหุ้นผ่านบริษัท โอสถสภา เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ร้อยละ 100 เข้าลงทุนในบริษัท Basecamp Brews Limited ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในประเทศอังกฤษ โดยปัจจุบันบริษัทฯถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 26% และในอนาคตอาจมีการเข้าถือเพิ่มเรื่อยๆ

 

 

 

ด้านสำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า OSP รายงานกำไรสุทธิ 1Q19 เพิ่มขึ้นจากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น : OSP ประกาศกำไรสุทธิ 1Q19 ที่ 888 ล้านบาท (+13%YoY, +13%QoQ) เป็นไปตามที่เราคาด โดยกำไรสุทธิที่คาดเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตรามาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากต้นทุนเศษแก้วที่ลดลงต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับการควบคุมบริหารต้นทุน

รายได้รวม 1Q19 อยู่ที่ 6,366 ล้านบาท (+4%YoY, +1%YoY) รายได้กลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น +3%YoY จากยอดขายเครื่องดื่ม C-Vitt เพิ่มกำลังการผลิตใน 2Q18 ที่ผ่านมา และยอดขายฉลามกระชายดำและโสมอินซัมที่เพิ่มขี้น รวมถึงออกสินค้าใหม่เครื่องดื่ม "เปปทีนพลัส" ในเดือนก.พ.19

สำหรับรายได้ส่งออกทรงตัว +0.3%YoY (คิดเป็น 16% ของยอดขายรวม) แม้ว่าปริมาณการขายเพิ่มขึ้นแต่ผลกระทบค่าเงินจ๊าดเมียนมาที่อ่อนตัวลงเทียบกับค่าเงินบาทส่งผลให้รายได้ไม่เติบโต โดยหากพิจาณาค่าเงินคงที่แล้วรายได้การส่งออกจะเพิ่มขึ้น 8.6%YoY ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น

 

ยอดขายผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (personal care) เพิ่มขึ้น 6%YoY จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และปรับปรุงสินค้าใหม่ช่วยปลายปีที่ผ่านมา ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เบบี้ มายด์ และ ทเวล์ฟ พลัส สำหรับรายได้กลุ่ม Supply Chain รายได้รับจ้างผลิตรับจ้างผลิตเครื่องดื่มและผลิตขวดเพิ่มขึ้น +19%YoY เนื่องจากฐานต่ำใน 1Q18 มีการปรับปรุงซ่อมเครื่องจักรไลน์ผลิตขวดแก้วและเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วง 2Q18 ที่ผ่านมา

 

 

 

อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 34.8% จาก 32.1%YoY เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเศษแก้วได้ปรับลดลงในเดือน ก.ย. 18 และทรงตัวจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับการควบคุมบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริการต่อยอดขายลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 20.8% จาก 21%YoY ตามกิจกรรมทางการตลาด อัตราภาษีนิติบุคคลเฉลี่ยอยู่ที่ 18% ลดลงจากการขยายไลน์ผลิตใหม่ได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี (BOI) กำไรสุทธิ 1Q19 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 14% จาก 12.8%YoY

 

ยังคงประมาณการเดิม คาดผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% (CAGR 2019-21F) กำไรสุทธิ 1Q19 คิดเป็น +26% ของกำไรทั้งปี เรายังคงประมาณการเดิมคาดรายได้ปี 2019-20F เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ +6% จาก

 

 

 

1) กลุ่มเครื่องดื่มคาดพิ่มขึ้นปีละ 4-5% จากการออกสินค้าใหม่และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่ คาดตลาดส่งออกโดยเฉพาะเมียนมาเพิ่มขึ้นปีละ 10% (สัดส่วนรายได้ส่งออก 16%)

 

2) คาดรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (personal care) เพิ่มขึ้น 10-15%จากการออกผลิตภัณฑ์และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่

 

3) รายได้บริการจัดการด้านซัพพลายเชนคาดเพิ่มขึ้น 10-11% จากเครื่องดื่มแบรนด์ซี-วิต เพิ่มกำลังการผลิต คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% (CAGR3y) เรายังคงคำแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 31.25 บาท อ้างอิงวิธี PER+1STDV กลุ่มเครื่องดื่มเฉลี่ยที่ 27x ใกล้เคียงกับ PER forward กลุ่มเครื่องดื่มที่ 28x, Dividend Yield 2019F 2.8%

 

ความเสี่ยง : การแข่งขันที่รุนแรงในประเทศ, เศรษฐกิจที่ซบเซา

 

 

OSP