Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: โบรกฯ ชู NER ปันผลสูง 6%

1,884

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 17พฤษภาคม 2566 )--- โบรกฯ ชู NER ปันผลสูง 6% คาดผ่านจุดต่ำสุดแล้ว / NER แจ้งงบไตรมาส 1 ปี 2566 รายได้จากการขายรวม 6,254.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 661.79 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 11.83% จากคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นตอกย้ำปี 2566 ขยายตลาดกลุ่มลูกค้า รองรับโรงงานแห่งที่ 3

 

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)
ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว


· เราคาดกำไรปกติใน 1Q66 คือจุดต่ำสุดของปี และผ่านจุด Bottom ของอุตสาหกรรมไปแล้วคาดเริ่มเห็นการฟื้นตัวของ ASP และปริมาณขายไม่น้อยกว่า 5% QoQ ใน 2Q66 ซึ่งอาจทำให้ GPM กลับมาที่ระดับ 10% ได้ ขณะที่ ASP มีโอกาสเร่งขึ้นได้ในช่วง 2H66เพราะคาดว่าปริมาณฝนในปีนี้จะน้อยกว่าปกติทำให้น้ำยางออกสู่ตลาดน้อยกว่าปกติได้ ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจฝั่งประเทศตะวันตก กระทบต่ออุปสงค์จากลูกค้าของ NER ค่อนข้างจำกัด

· ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER2566 เพียง 5.8 เท่า และคาดเงินปันผลสำหรับปี 2566 ที่ 0.35บาท ให้ผลตอบแทน 6.9% สะท้อนว่าราคาตลาดตอบสนองต่อแนวโน้มกำไร 1Q66ไปมากแล้ว ขณะที่ผลประกอบการคาดฟื้นตัวขึ้นรายไตรมาส เรามองว่าผลประกอบการที่ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เป็นโอกาสสะสม คงประมาณการ คงราคาเป้าหมายที่ 7.10 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ

 

บล.ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย)

จากแนวโน้มราคายาง , GPM และธุรกิจแผ่นยาง ที่มีแนวโน้มอ่อนแอกว่าที่เราคาดเดิม ฝ่ายวิจัยจึงมีการปรับลดกำไรปี 2023-24 ลง 31% และ 28% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าว ได้กำไรปี 2023 ลดลง 21% yoy และจะฟื้นตัว 11.7% yoy โดยประมาณการปัจจุบบันยังไม่รวมผลจากการขยายกำลังการผลิตใหม่ในปี 2024 เข้ามาภาพรวมระยะสั้นแนวโน้มกำไรอาจโดดเด่นน้อยลง แต่ยังชดเชยได้จาก Dividend yield ที่สูงราว 6% ต่อปี จึงยังคงแนะนำ ซื้อ

 

บล.พาย
1Q23 กำไรไม่ดีนัก แต่ 2Q23 จะค่อยๆ ดีขึ้น

NER รายงานกำไรสุทธิงวด 1Q23 เหลือ 314 ลบ.(-33%YoY,-15%QoQ)ได้รับผลกระทบจากการลดลงของราคายางแม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่แนวโน้มในช่วง 2Q23 คาดว่าปริมาณขายจะดีขึ้นหลังความต้องการยางจากจีนยังมีอยู่มาก รวมถึงราคาที่ค่อยๆปรับตัวดีขึ้น แต่ความเสี่ยงคือผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจจะทำให้ปริมาณยางพาราในภาคอีสานน้อยกว่าที่ประเมิณไว้ ซึ่งทำให้การขยายโรงงานใหม่ของ NER ยังอยู่ระหว่างการติดตามผลกระทบดังกล่าวอยู่ทั้งนี้เราปรับกำไรในปี 23 ลดลงจากเดิม 16% เหลือ 1,640 ลบ. (-6%YoY) แต่ด้วยเงินปันผลที่ยังดีอยู่ในระดับ 6-7%เราจึงแนะนำ "ซื้อ" เช่นเดิม

 

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์

· แม้ปี 2566 ปริมาณขายยางจะมีแนวโน้มเติบโต YoY ตามอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดประเทศของจีนและความต้องการยางรถ EVรวมทั้งการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ แต่กําไรปกติ1Q66 คิดเป็นเพียง 16% ของประมาณการทั้งปีซึ่งต่ำเกินไปมาก เนื่องจากศักยภาพทํากําไรแย่กว่าคาดมากจากราคาขายที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดมาก เพื่อสะท้อนปัจจัยลบและยึดหลักระมัดระวัง เราจึงปรับลดประมาณการกําไรปี 2566 ลงจากเดิม 16% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2566 NER จะมีกําไรปกติ 1,625 ลบ. หดตัว 12%YoY

· กรอบราคาเป้าหมายใหม่ปี 2566 อยู่ที่หุ้นละ 4.80-5.30 บาท (อิงค่าเฉลี่ย PER เดิมที่ 5.5-6.0 เท่า) พบว่าไม่มี Upside ที่น่าสนใจแล้ว ซึงเมื่อบวกกับ 2Q66 คาดกําไรปกติยังมีแนวโน้มลดลง YoY ตามราคาขายยางเฉลี่ยที่ลดลง YoY จึงทําให้ขาดปัจจัยกระตุ้นการปรับขึ้นของราคาหุ้นในช่วงสั้นนี้ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนํา "ขายหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน"

· ความเสี่ยงสําคัญ คือ ความผันผวนของราคายางพารา, การถดถอยของเศรษฐกิจโลกและจีน, การแข็งค่าของเงินบาท

 


บล.โกลเบล็ก
มุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มปี 66 จากปัญหาด้านอุปทาน

ความเห็น เรามีมุมมองงเป็นกลางต่อผลประกอบการ 1Q66 และแนวโน้มทั้งปี 66โดยปัจจัยเสี่ยงของปีนี้มาจากปัญหาด้านอุปทานยางที่คาดจะตึงตัว จากปรากฏณ์เอลนีโญที่ทำให้แนวโน้มปริมาณน้ำฝนในปีนี้ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ย 5% ในรอบ 20 ปี ส่วนราคายางคาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและมีแนวโน้มปรับดีขึ้นอีก 4-5% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากความต้องการยางที่ยังเติบโตดีจากการที่จีนเปิดประเทศและเทรนด์ของ EV Car โดยผบห.คงเป้าปริมมาณขายทั้งปี 66 ที่ราว 5 แสนตัน +12%YoY แต่คาด % GPM ทรงตัวที่ระดับ 10% ต่ำกว่าปี 65 อยู่ที่ระดับ 12% จากแนวโน้มราคาขายที่ทรงตัวในระดับต่ำ โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 66 ราว 1,968ลบ. +13%YoY และราคาเหมาะสม 7.80 บาท (อาจถูก Revised down จากการประชุมฯล่าสุด) อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับตัวลง 20%YTD สะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอไปแล้ว และปัจจุบันซื้อขายที่ PE 5.9x ต่ำกว่ากลุ่มที่ 9x) แนะนำ "ซื้อ"

 

NER เผยรายได้ Q1/66 โต 11.83%

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11 พฤษภาคม 2566)--------NER แจ้งงบไตรมาส 1 ปี 2566 รายได้จากการขายรวม 6,254.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 661.79 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 11.83% กำไรสุทธิเท่ากับ 314.38 ล้านบาท ลดลง 154.51 ล้านบาทหรือลดลง 32.95% จากราคาขายเฉลี่ยลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการเติบโตอีก 9 เดือน มุ่งเน้นการขยายตลาดต่างประเทศ ทั้งในประเทศจีน สิงคโปร์ อินเดีย และไทย เพื่อรองรับแผนการขยายโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 172,800 ตัน

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/2566 สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 127,574 ตัน เพิ่มขึ้น 31,224 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 32.41% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 6,254.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 661.79 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 11.83% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 3,918.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 63% ของยอดขายรวม และรายได้จากการขายต่างประเทศ 2,336.32 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 37% ของยอดขายรวม

 

สำหรับรายได้จากการขายไตรมาส 1/2566 ที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนนั้น เป็นการเพิ่มขึ้นด้านปริมาณขาย เกิดจากบริษัทได้รับคำสั่งซื้อของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งคิดเป็นผลต่างเพิ่มขึ้นด้านปริมาณอยู่ที่ 1,801.48 ล้านบาท และผลต่างด้านราคาที่ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 1,141.32 ล้านบาท เกิดจากผลต่างราคาขายเฉลี่ยลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยลดลง 15.56% ส่งผลให้ 3 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 314.38 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 5.03% ของยอดขายรวม โดยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.38% บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง 154.51 ล้านบาทตามกำไรขั้นต้นที่ลด


นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงเป้าหมายการเติบโตปี 2566 ว่าบริษัทยังมุ่งเน้นการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีการเซ็นสัญญากลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกหลายรายทั้งในประเทศจีน สิงคโปร์ อินเดีย และไทย เพื่อให้บริษัทมียอดขายเติบโตเป็น 500,000 ตันตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้วที่มียอดขาย 446,090 ตัน โดยการเติบโตมาจากการเปิดประเทศของจีนที่ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันทำให้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น

โดยบริษัทยังเดินหน้าขยายกำลังการผลิตสินค้าประเภทยางแท่งและยางแท่งผสม โดยการลงทุนก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 172,800 ตัน ใช้งบลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงที่ดิน ซึ่งคาดว่าโรงงานจะสร้างเสร็จและเริ่มมีรายได้ในปี 2567 ซึ่งภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 688,400 ตันต่อปี

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะลดต้นทุนการผลิตในการดำเนินงาน เนื่องจากการขยายกำลังการผลิตทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economic of Scale) ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ภายในโรงงานได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงจะมีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ภายในโรงงานแห่งที่ 3 เพื่อลดต้นทุนพลังงานเพิ่มเติมด้วย


----จบ----

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

พีที ชวนส่งต่อน้ำใจ ช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยและฟื้นฟูพื้นที่ภาคเหนือ

พีที ชวนส่งต่อน้ำใจ ช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยและฟื้นฟูพื้นที่ภาคเหนือ

ผันผวน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หุ้นไทยวันศุกร์ เข้าสู่ความผันผวน ตามทิศทางเดียวกับหุ้นโลก.....

มัลติมีเดีย

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้