สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(10 เมษายน 2566)---- "NER" จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 ผถห.โหวตฉลุย ปันผลปี 65 อัตรา 0.38 บ/หุ้น รับทรัพย์9 พ.ค.66 พร้อมตั้งเป้าปี 66 ปริมาณขายรวม 5 แสนตัน หลังปริมาณออเดอร์จากลูกค้าเพิ่มขึ้น ยอดส่งออกสินค้ามีความคล่องตัวมากขึ้น
บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ ได้จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-AGM โดยมีนายชนิตร ชาญชัยณรงค์ (กลาง) ประธานกรรมการบริษัท เป็นประธานในการประชุม พร้อมคณะกรรมการของบริษัทเข้าร่วมการประชุม เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566 ณ โรงแรมโรสวูด กรุงเทพ
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 รับทราบผลการดำเนินงาน ประจำปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า 25,172.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 746.40 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 3.06% เมื่อเทียบกับปี 2564 และมีกำไรสุทธิรวม 1,748 ล้านบาทซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.94%
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.38 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 702.16 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงิน 129.34 ล้านบาท ที่ได้จ่ายเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 โดยคงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายในครั้งนี้อีกในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท คิดเป็นเงิน 572.81 ล้านบาท การจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2565 คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 40.17 ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 21 เมษายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2566
***NER ตั้งเป้าปี 66 ปริมาณขายรวม 5 แสนตัน***
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำปี 2565 ว่า บริษัทมีแผนการขยายกำลังการผลิตสินค้าประเภทยางแท่งและยางแท่งผสม โดยการลงทุนก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 172,800 ตัน ใช้งบลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมการและการปรับปรุงที่ดิน ซึ่งคาดว่าโรงงานจะสร้างเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 688,400 ตันต่อปี
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายรวมที่ 5 แสนตัน คิดเป็นรายได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายแบ่งเป็นในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% จากปี 2565 สัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 66 : 34 เนื่องจากความต้องการสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเปิดประเทศโดยเฉพาะจีน และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายตลาดกลุ่มลูกค้าประเทศต่างๆเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีการเซ็นสัญญากลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นทั้งลูกค้าในประเทศ และลูกค้าต่างประเทศอาทิ จีน สิงคโปร์ อินเดีย เพิ่มขึ้นอีกหลายราย
ด้านธุรกิจสินค้าสำเร็จรูป (สินค้าปลายน้ำ) บริษัทมีแผนการทำการตลาด โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าสำเร็จรูป (สินค้าปลายน้ำ) ต่างๆ ที่ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบหลักให้เป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนยอดขายสินค้าปลายน้ำจะเติบโตขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มสินค้าสำเร็จรูปที่ใช้ส่วนผสมของยางพาราเป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่บริษัทในระยะยาว
-----จบ----