Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: LEO ธุรกิจขาขึ้น!! อัพเป้ารายได้ปีนี้ทะยาน 80-85%

2,247

 

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(31 สิงหาคม 2564)----LEO ผู้นำธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ปรับเป้าหมายรายได้ปี 64 โตเท่าตัว จากเดิมขยายตัว 40-45% ปรับเพิ่มเป็น 80-85% รับอานิสงส์ธุรกิจ “ขาขึ้น” ค่าระวางเรือพุ่ง-ออเดอร์ทะลัก บิ๊กบอส “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” เผยเริ่มรับรายได้ขนส่งพัสดุและไปรษณีย์ภัณฑ์ ให้กับ China Post Group ใน Q3/64 ล่าสุดจับมือบริษัทย่อย “ไปรษณีย์ไทย” ขนส่งวัคซีน ขนส่งสินค้า E-commerce หนุนรายได้-กำไร ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า All Time High ต่อเนื่อง

 

 

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั่วโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับประมาณการรายได้ในปี 2564 เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากเดิมคาดรายได้เติบโต 40-45% เพิ่มเป็น 80-85% สอดคล้องแนวโน้มธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยได้รับปัจจัยบวกจากค่าระวางเรือและอากาศที่อยู่ในระดับสูง และปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศของลูกค้ามีจำนวนมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย อีกทั้งในช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วง High season ของการขนส่งสินค้า

 

นอกจากนี้ บริษัทฯจะเริ่มรับรู้รายได้จากความร่วมมือกับ China post ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทย-จีน ตั้งแต่ไตรมาส 3/64

 

ทั้งนี้ ล่าสุด LEO ได้ประกาศความร่วมมือกับ บริษัทไปรษณีย์ไทย ดิสทริบิวชั่น (THPD) โดยอยู่ระหว่างจัดโครงสร้างการทำธุรกิจร่วมกัน เช่น การขนส่งวัคซีน การขนส่งสินค้า E-commerce

 

“ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง LEO กับ China post รวมไปถึงกับ บริษัทไปรษณีย์ไทย ดิสทริบิวชั่น จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ผลักดันรายได้และกำไร All Time High อย่างต่อเนื่อง” นายเกตติวิทย์ กล่าวในที่สุด

 

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 2/64 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ) มีรายได้รวม 559.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 310.0 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 42.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.7 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 19.0 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรก มีรายได้รวม 1,033.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 538.1 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 69.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 28.3 ล้านบาท และยังทำให้กำไรสุทธิของผลประกอบการครึ่งปี 2564 ที่ 69.8 ล้านบาทนี้ มากกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 2563 ที่ทำได้ 57.8 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 และครึ่งปีแรกที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังทำ New High อีกทั้งปริมาณความต้องการขนส่งทางเรือและอากาศยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณตู้สินค้าที่ขนส่งระหว่างประเทศทางเรือของบริษัทฯ ในระยะเวลา 6 เดือนของปี 2564 เติบโตเพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2563 และมีรายได้เพิ่มขึ้น 144% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มโตต่อเนื่องถึงครึ่งหลังของปีนี้

 

นอกจากนี้ ด้วยการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์และการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้บริษัทฯ สามารถจัดหาพื้นที่และตู้คอนเทนเนอร์ในการส่งสินค้าได้ตามความต้องการของผู้ส่งออก จึงทำให้มีลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2563 ถึง 40% และปริมาณตู้เพิ่มขึ้นถึง 52% (YoY)

 

ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมทำดีล M&A Airfreight Company คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และมีการเจรจาM&A กับบริษัทภายในประเทศอีกจำนวน 2-3 ดีล คาดว่าจะเห็น
ความชัดเจนได้ในปีหน้า รวมถึงยังมีความมุ่งมั่นและตั้งเป้าหมายการดำเนินงานในปีหน้าที่จะเข้าไปทำดีล M&A ในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียอย่างแน่นอน


บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนสำหรับการทำดีลM&A ในปีนี้ไว้ที่ราว 200 ล้านบาท และวางงบลงทุนจำนวน 300ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับดำเนินการซ่อมแซมและปรับปรุงพื้นที่ให้บริการห้องเก็บของส่วนบุคคล (Self Storage) แห่งที่ 2 บริเวณใกล้ย่านเยาวราช หรือ China Town ของกรุงเทพ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการสำเร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส4/64 ส่วนการขยายพื้นที่ธุรกิจลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) แห่งที่ 2 บริเวณ ถนนบางนา-ตราด ขาเข้า กม.21 ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการออกแบบพื้นที่ คาดว่าจะก่อสร้างและเปิดดำเนินงานได้ในช่วงไตรมาส
4 เช่นเดียวกัน

สำหรับเงินที่ใช้ในการลงทุนจะมาจากเงินระดมทุน IPO และขอเงินลงทุนเพิ่มเติมจากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมี D/E ratio อยู่ที่ 0.3เท่า ซึ่งยังมีความสามารถในการหาเงินทุนได้และขอวงเงินกู้ได้ถึง 800 ล้านบาท

“โควิด-19ในปัจจุบัน ทำให้เราได้รับผลกระทบเชิงบวกจากค่าระวางเพิ่มมากขึ้น แต่ทั้งหมดก็จะตามมาด้วยการทำงานที่ยากมากขึ้นกว่า3-4เท่า จากขั้นตอนการทำงานที่ต้องคอยติดตามงานและเช็คราคาอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะมีอัตราการการทำงานที่ยากขึ้น แต่มาร์จิ้นและผลกำไรดีก็ดีขึ้นตามไปด้วย” นายเกตติวิทย์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทได้มุ่งมั่นในการเป็น Blue-Chip Stock ที่มีการจ่ายปันผลและสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในปีนี้อยากให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลใจและดูความสามารถของบริษัทได้จากผลกำไรของการดำเนินงานในตอนนี้ที่ได้มีมากกว่าปีที่แล้วทั้งปีไปแล้ว


เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณในความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่มีต่อหุ้นของ LEO และรักษาคำมั่นสัญญาของบริษัทฯ ที่ตั้งใจจะทำให้หุ้น LEO เป็น BLUE CHIP STOCK ของธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในประเทศไทย คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 กันยายน 2564 นี้

 

 


---จบ--

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

พระโค By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ วันพืชมงคล พระโค กินน้ำ หญ้าและเหล้า ส่วนตลาดหุ้นไทย วันนี้ ยังคงซึม ท่ามกลาง ....

IND เยี่ยมชมโครงการก่อสร้างทางรถไฟ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ

IND เยี่ยมชมโครงการก่อสร้างทางรถไฟ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้