HotNews: TACC โชว์กำไร Q3/63 โต 12.98% เล็งโค้งสุดท้ายปี 63 ดีต่อเนื่อง

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(6 พฤศจิกายน 2563)-----TACC โชว์กำไรงวดไตรมาส 3/63 เพิ่มขึ้น 12.98% แตะระดับ 46.72 ล้านบาท หลังกำลังซื้อฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย การยกเลิกเคอร์ฟิว และผลจากการปรับขนาดแก้วในกลุ่มเครื่องดื่ม Non-Coffee ใน All Café ของร้านเซเว่นฯ ฟาก"ชัชชวี วัฒนสุข" ประธานกรรมการบริหาร ประเมินโค้งสุดท้ายปี 63 แนวโน้มดีต่อเนื่อง เดินหน้าเสิร์ฟผลิตภัณฑ์ใหม่ตรงใจผู้บริโภค ช่วยสนับสนุนผลงานปีนี้สดใส

 

 

 

นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 46.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.98% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 41.35 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 347.51 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 137.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.78 % จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 114.49 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,129.59 ล้านบาท

 

 

สาเหตุที่ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มผ่อนคลาย การยกเลิกเคอร์ฟิว และการปรับขนาดแก้วในกลุ่มเครื่องดื่ม Non-Coffee ใน All Café ของร้านเซเว่นฯ ส่งผลกำลังซื้อเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก ขณะเดียวกันบริษัทฯใช้กลยุทธ์การบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่องให้เกิดประโยชน์สูงสุดที่ช่วยให้รักษาความสามารถการทำกำไรขั้นต้นในระดับที่ดีได้ ตลอดจนการทำโปรโมชั่นในรูปแบบต่างๆ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

 

 

รวมทั้งได้มีการวางจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มชนิดใหม่ ในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมนูของคนรักสุขภาพ ซึ่งกำลังเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน และจะช่วยสนับสนุนยอดขายได้อีกทาง สำหรับใน All Café ของร้านเซเว่นฯ ที่มีการขยายจำนวนสาขามากขึ้น และ บริษัทฯได้ปรับเพิ่มขนาดแก้วเครื่องดื่มเป็น 22 ออนซ์จาก 16 ออนซ์ ครอบคลุมทุกสาขาที่มีมุม All Café ทั่วประเทศ ส่งผลให้มีอัตราการซื้อมากขึ้นอีกด้วย

 

 

นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจ Character Business ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัว Rilakkuma Café ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีมาก และสินค้าใหม่ของ Character หมาจ๋า ได้มีวางจำหน่ายที่ร้าน Loft Siam Discovery และมีการขยายไปยัง ICON SIAM ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างการรับรู้ใน Character Rilakkuma และหมาจ๋า ที่มากขึ้น

 

 

"ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2563 เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ประสิทธิภาพของการบริหารต้นทุน ยังทำได้ดี สามารถผลักดันให้กำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกมาก็มีกระแสการตอบรับที่ดีช่วยกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้นด้วย"

 

 

 

ประธานกรรมการบริหาร กล่าวต่อถึงแนวโน้มในไตรมาส 4/2563 ว่าการดำเนินธุรกิจยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่มาเสิร์ฟให้ผู้บริโภค และเน้นยังคงเน้นกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมต้นทุน เพื่อสนับสนุนให้ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดี ดังนั้นภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้

 

 

 

 

 

 

 

TACC เผยใช้กลยุทธ์สินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง คุมต้นทุนดี - ดันกำไร 9 เดือนโตสวย

 

บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) TACC เปิดเผยว่า ในไตรมาส 32563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 46.72 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรกำไรสุทธิ 13.44% และเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไสุทธิจำนวน 41.35 ล้านบาท คิดอัตรากำไรสุทธิ 11.15%

 

 

สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 137.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.70% และเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 114.49 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 10.14% สาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรขั้นตันของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น โดยมาจกการเพิ่มยอดขายในส่วนสินค้าที่มีกำไรสูงจากการพัฒนาต้นทุนอย่างต่อเนื่องและควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

 

แผนการดำเนินของปี 2563 บริษัทฯ คาดว่ารายได้ทั้งปี 2563 อาจลดลงจากปีก่อน เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี จากการประกาศการใช้ new nomal ในธุกิจต่างๆ รวมถึงสถานศึกษา การระงับเที่ยวบิน ส่งผลให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยลง เป็นต้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทได้นั้นกลยุทธ์การรักษากำไรโดย 1) เน้นการขายสินค้าที่กำไรดี 2) การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและพัฒนาตันทุนอย่างต่อเนื่อง และ 3) การออกสินค้าใหม่มากขึ้นในสินคร่วมพัฒนา B2B เพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้าที่จำหน่าย

 

 

 

 

 

บล.เคทีบี แนะนำ "ซื้อ" TACC ราคาเป้าหมาย 8.30 บาท/หุ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด คงคำแนะนำ ซื้อ TACC และราคาเป้าหมายที่ 8.30 บาท อิง 2021E PER ที่ 21.6x (เทียบเท่า -0.75SD below 5-yr average PER ที่ 31.2x) TACC รายงานกำไรสุทธิ 3Q20 ที่ 47 ล้านบาท (+13% YoY, -2% QoQ) ต่ำกว่าตลาดคาด -8% แม้รายได้ปรับตัวดีขึ้น QoQจากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ แต่กำไรถูกกดดันจาก Gross profit margin ที่ปรับตัวลดลง -203 bps อยู่ที่ 32.19% (2Q20 ที่ 34.2%) และ SG&A to sale ปรับเพิ่มขึ้น +90 bps เป็น 15.98% (2Q20 ที่ 15.08%) แต่อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลประกอบการ 4Q20E จะยังอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง จากเป็นช่วงเทศกาลต่างๆ ทั้งนี้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2020E ลง -6% เป็น 188 ล้านบาท (+16% YoY)

 

ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นและ outperform SET +16% ในช่วง 3 เดือน จากการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว ทำให้ชั่วโมงการขายเครื่องดื่มใน 7-11 เพิ่มขึ้น ปัจจุบันเทรดที่ 2020E PER = 22.3x (-1SD below 5-yr average PER) ขณะที่กำไรปี 2020E/21E จะยังคงเติบโตที่ +16%/+23% ตามการขยายตัวของสาขา 7-11

 

 

กำไรสุทธิ 3Q20 ต่ำกว่าตลาดคาด -8% TACC รายงานกำไรสุทธิ 3Q20 ที่ 47 ล้านบาท (+13% YoY, -2% QoQ) ต่ำกว่าตลาดคาด -8% รายได้ 3Q20 อยู่ที่ 345 ล้านบาท (-6% YoY, +7% QoQ) แม้รายได้ QoQ ปรับตัวดีขึ้นเป็นไปตามทิศทางแนวโน้มการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ และยังคงเติบโตจากกลุ่มเครื่องดื่ม non-coffee ในร้าน All cafe ที่มีสาขาเพิ่มขึ้น แต่ Gross profit margin ปรับตัวลดลง -203 bps อยู่ที่ 32.19% จากเดิม 2Q20 ที่ 34.2% และ SG&A to sale ปรับเพิ่มขึ้น +90 bps เป็น 15.98% จากเดิมใน 2Q20 ที่ 15.08% แต่อย่างไรก็ตาม 4Q20 เป็นช่วงเทศกาลต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขาย ทำให้เราคาดว่าผลประกอบการ 4Q20 จะยังอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง

 

 

ปรับกำไรสุทธิปี 2020E ลง -6% แต่คงกำไรสุทธิปี 2021E เราปรับกำไรสุทธิปี 2020E ลง -6% เป็น 188 ล้านบาท (+16% YoY) และปรับ gross profit margin ลง -80 bps เป็น 33.7% จากเดิม 34.5% เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 9M20 ที่ 33.3% ขณะที่ 4Q20E คาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้ Project upsize strategy (แก้วใหญ่ 22 ออนซ์) ของเครื่องดื่ม All cafe เต็มไตรมาส

 

 

และเราคงกำไรสุทธิปี 2021E ที่ 233 ล้านบาท (+23% YoY) โดยเราคาด GPM ยังคงปรับตัวดีขึ้นเป็น 35.5% โดยปีนี้เราได้รวมสมมติฐานการขยายสาขา 7-11 ไปยังประเทศกัมพูชาและลาว มีรายได้จากทั้ง 2 ประเทศประมาณ 12 ล้านบาท โดยเบื้องต้นเราได้สมมติฐานการเปิดสาขาในกัมพูชา 100 สาขา และลาว 100 สาขา โดยช่วงเริ่มต้นคาดรายได้เฉลี่ยของ TACC/สาขา/ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 60,000 บาท (ปี 2021E ประเทศไทย รายได้เฉลี่ยของ TACC/สาขา/ปี =109,600 บาท)

 

 

Valuation/Catalyst/Risk เราประเมินราคาเป้าหมาย TACC ที่ราคา 8.30 บาท อิง 2021E PER ที่ 21.6x (เทียบเท่า -0.75SD 5-yr average PER 31.2x) ขณะที่ความเสี่ยงคือ รายได้หลัก ณ 2Q20 ยังคงพึ่งพิงรายได้จาก 7-11 มากถึง 95% และการขยายสาขาของ 7-11 น้อยกว่าที่คาด

 

 

 

 

บล.หยวนต้า แนะนำ "ซื้อ" TACC ราคาเป้าหมาย 7.85 บาท/หุ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ว่ากำไรปกติ 3Q63 TACC จะไม่สามารถทำ New high ต่อเนื่องจาก 2Q63 ได้ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนลง QoQ และการใช้จ่ายการตลาดมากขึ้น แต่กำไรปกติ 9M63 สูงถึง 134 ลบ. หรือคิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปีของเราที่ 179 ลบ.ทำให้เหลือกำไรอีกเพียง 45 ลบ. ใน 4Q63 เมื่อเทียบกับประมาณการกำไรทั้งปีของเรา ขณะที่ 4Q63 ปกติจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ดังนั้นประมาณการของเราจึงมี Downside risk จำกัด แต่มีโอกาสสูงที่จะดีกว่าประมาณการ

 

 

ยังคงประมาณการกำไรปี 2563 ที่ 179 ลบ. (+7.6% YoY) ขณะที่ประเด็นการ M&A ยังเป็นสิ่งสำคัญที่เราคาดว่าจะมีนัยสำคัญต่อกำไรปกติของ TACC แบบก้าวกระโดด คาดว่าจะเริ่มมีความชัดเจนในปีนี้ หรือ 1Q64 เป็นอย่างช้า ทำให้ประมาณการปี 2564 ของเรายังมี Upside อีกอย่างมีนัยยะ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาเป้าหมายในทิศทางเดียวกัน เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 ปัจจุบันอยู่ที่ 7.85 บาท