Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : SPRC ลุ้น Q2/63 ฟื้นตัว แย้มแผนลงทุน Oil&Gas

2,221

HotNews : SPRC ลุ้น Q2/63 ฟื้นตัว แย้มแผนลงทุน Oil&Gas

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (13 พฤษภาคม 2563)  SPRC ประกาศ Q1/63 พลิกขาดทุนยับ 8.27 พันลบ. จาก Q1/62 กำไร 1.69 พันลบ. เหตุขาดทุนสต็อก- ค่าการกลั่นต่ำ จากผลกระทบวิกฤต COVID-19 ด้านฝ่ายบริหาร ประเมิน Q2/63 ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ พร้อมคาด Q2/63 สามารถกลับมาทำกำลังการผลิตได้ 170,000 บาร์เรล หลังดีมานด์ใช้น้ำมันภายในประเทศกลับมา เผยอยู่ระหว่างศึกษา 2 โครงการใหม่แย้มเป็นธุรกิจ Oil&Gas คาดเห็นความชัดเจนใน Q2/64 ส่วนความคืบหน้าเหตุถูกโจมตีธุรกรรมอีเมลล์ คาดเรียกเงินคืนกลับได้ 29%ของยอดเงินที่เสียหาย ระบุจะดำเนินการลดค่าใช้จ่าย เพื่อทำให้รักษากระแสเงินสดไว้ให้ได้มากที่สุด

 


บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) SPRC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิใน Q1/63 จำนวน 261 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(8,273ล้านบาท) จากQ1/62 กำไร 1,690 ล้านบาท เนื่องจากวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก มีผลให้การดำเนินงานของบริษัทฯ ใน Q1/63 ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากอัตราการผลิตที่ลดลง การขาดทุนจำนวนมากจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ และค่าการกลั่นตลาดที่ต่ำ

 

 

การแพร่ระบาดของ Coronavirus ได้มีผลกระทบอย่างมากต่อความตอ้งการผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมโดยเฉพาะน้ำมันอากาศยาน และน้ำมัน เบนซิน ส่งผลให้อตัราการใช้กำลังการกลั่นของบริษัทฯ ลดลงใน Q1/63อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบ Q1/63 และ Q4/62 บริษัทฯ มีปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่น ใน Q1/63อยู่ที่ 153 พันบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นร้อยละ87ของกำลังการกลั่น โดยสูงกว่าใน Q4/62 ซึ่งอยู่ที่78 พันบาร์เรลต่อวัน อันเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนงานในไตรมาสที่ผ่านมา จากปริมาณการกลั่นที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ทำให้รายได้จากการขายใน Q1/63อยู่ที่จำนวน 1,256ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 344ล้านดอลลาร์สหรัฐแมว้่าราคาน้ำมัน จะปรับตัวลดลงอย่างมาก

 

 

การลดลงอย่างรวดเร็วของราคาน้ำมัน ในเดือนมีนาคมทำให้เกิดการขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญใน EBITDA, EBIT รวมถึงกำไร (ขาดทุน) สุทธิใน Q1/63 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสนี้จำนวน 261ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิจำนวน 98 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสก่อน โดยมีค่าการกลั่นทางบัญชีใน Q1/63 ติดลบมากถึง (20.34) ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับ 1.85ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสก่อน

 

 

 

 

โดยเป็นผลกระทบจากการขาดทุนสต็อกน้ำมันจำนวนมากซึ่งรวมผลขาดทุนจากการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือจากการลดลงของราคาน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายไตรมาส ในขณะที่ค่าการกลั่นตลาดซึ่งไม่รวมผลกระทบกำไร(ขาดทุน)จากสต๊อคน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำที่ 1.28 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจาก 2.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสก่อน จากอุปทานที่ยังคงเกินความต้องการและผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19

 

 

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงมีปัจจัยบวกจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงใน Q1/63 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสก่อนที่มีค่าใช้จ่ายที่สูงเกี่ยวกับการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ตามแผนงาน

 

 

ด้านนายวิชัย ชุนหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) SPRC เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินการในช่วงไตรมาสที่1/63ที่ผ่านมา บริษัทมีผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง จากปัญหาสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลก ส่งผลให้รัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์ในทุกพื้นที่ของประเทศ และงดการเปิดสถานที่ให้ท่องเที่ยวหรือเดินทางออกนอกต่างจังหวัด จึงทำให้การใช้นำมันในประเทศลดลงมาก ส่งผลให้มีปริมาณน้ำมันคงค้างอยู่ในสต็อกมากเกินไป โดยพบว่าไตรมาสที่1/63 ยอดขายน้ำมันเบนซิน ลดลง 30% ในขณะที่น้ำมันเครื่องบิน ลดลงถึง90% และน้ำมันGASOLINE ที่มีปริมาณการขายน้ำมันลดลง 30%

 

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้มีแผนการดำเนินไตรมาสที่ 2/2563 โดยจะให้ความสำคัญของการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆเพื่อทำให้รักษากระแสเงินสดไว้ให้ได้มากที่สุด หากมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม โดยบริษัทฯได้มีมาตรการลดค่าใช้จ่าย ประกอบด้วยการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ และการเลื่อนโปรเจ็คบางส่วนออกไปลงทุนในปีหน้า ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ราว 9 ล้านเหรียญฯ

 

 

อีกทั้งยังมีการลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกวัน (DAY ON DAY) โดยให้แต่ละแผนกให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ประกอบกับการปรับกำลังการผลิตน้ำมันประภทเครื่องบิน ให้น้อยลงและปรับเปลี่ยนไปเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดีเซลให้มากขึ้น รวมถึงการใช้เครื่องจักรที่ลดต้นทุนลง ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ 7ล้านเหรียญ โดยรวมแล้วจะสามารถลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปได้ราว 56 ล้านเหรียญฯ

 

 

 

 

ด้านความคืบหน้ากรณีที่บริษัทฯถูกโจมตีทางธุรกรรมทางอีเมลล์ ซึ่งได้สร้างความเสียหายไปกว่า 22-24 ล้านเหรียญ ในช่วงต้นปีนั้น บริษัทได้มีการดำเนินการแก้ไขระบบเทคโนโลยี และเสริมความปลอดภัยในธุรกรรมการเงินและออนไลน์ของบริษัทให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถเรียกเงินกลับคืนมาได้ประมาณ 29% ของยอดเสียหายรวมทั้งหมด ซึ่งหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม บริษัทฯจะแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯอีกครั้ง

 

 

พร้อมกันนี้บริษัทยังมีแผนลงทุนโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ ในประเภทธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง และ แก๊ส ( Oil&Gas) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาแผนงานซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน Q2/2564 ทั้งนี้โครงการที่จะเกิดขึ้นนั้น คาดว่าจะทำให้บริษัทฯ มีการพึ่งพาการใช้น้ำมันที่ลดลง และสามารถที่จะไปผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นได้

 

 


นอกจากนี้บริษัทฯ ได้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ลงในหลายๆส่วน ซึ่งคาดว่าในไตรมาสที่2นี้ บริษัทจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้อยู่ที่ระดับ 170,000บาร์เรลได้ จากไตรมาสก่อนที่ลดกำลังการผลิตลงเหลือ 140,000 - 145,000 บาร์เรล ซึ่งมองว่าในไตรมาสนี้จะเห็นความต้องการของการใช้น้ำมันภายในประเทศกลับมา และคาดว่าในQ3/63จะมีกำลังการผลิตที่ไกล้เคียงกับไตรมาสนี้ และเข้าสู่ความสมดุลของการใช้น้ำมันและการผลิตอย่าเต็มที่ในไตรมาส 4/63

 

 


ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า ใน 1Q63 SPRC ขาดทุนสุทธิมากถึง 8.3 พันล้านบาท แย่กว่าที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้มาก เนื่องจากมีขาดทุนสต็อกสูงถึง 9.5 พันล้านบาท, ค่าการกลั่นอ่อนลง โดย Market GRM ที่ไม่รวมขาดทุนสต็อกอยู่ที่ 1.28 ดอลลาร์/บาร์เรล (-58%YoY, -49%QoQ) ซึ่งต่ำกว่าจุดคุ้มทุนที่ 1.98 ดอลลาร์/บาร์เรล

 


คาดว่าค่าการกลั่น 2Q63F จะต่ำสุดในช่วงต้น 2Q63F ในช่วงมีการ Lockdown ซึ่งทำให้ค่าการกลั่น JET/ULG ลดลง แต่เมื่อมีการให้ส่วนลดราคาน้ำมันดิบ (OSP) สูงขึ้น & การผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ก็มีโอกาสที่ค่าการกลั่นจะฟื้นตัวได้ นอกจากนั้นบริษัทเพิ่มสัดส่วนการผลิตน้ำมัน GO ที่มีมาร์จิ้นดีมากขึ้น, เลื่อนการปิดซ่อมบำรุงไปเป็นปี 64

 



แนะนำ Fully Valued โดยให้ราคาพื้นฐาน 3.8 บาท ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/BV เท่ากับ 1.0 เท่า สูงกว่ากลุ่มที่ 0.7-0.8 เท่า

 

 

 

 

 


ส่วนบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า SPRC ประกาศงบ 1Q63 ขาดทุนสุทธิ 8.3 พันล้านบาท เป็นไปตามคาดการณ์ของเรา สาเหตุหลักมาจากขาดทุนสต็อกน้ำมัน 9.6 พันล้านบาท หากหักรายการพิเศษ (กำไรอัตราแลกเปลี่ยน และขาดทุนสต็อกน้ำมัน) ผลการดำเนินงานปกติจะขาดทุน 0.9 พันล้านบาท ขาดทุนมากขึ้น YoY แต่เมื่อเทียบกับ 4Q62 ขาดทุนลดลง และใกล้เคียงกับที่เราคาด

 



สาระสำคัญดังนี้

1) อัตราการผลิตลดลงเหลือ 88% คิดเป็น 153 kbd ลดลง -7% YoY สอดคล้องอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปที่ลดลง แต่สูงขึ้น +97% QoQ เนื่องจากฐานต่ำใน 4Q62 เพราะมีหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน

 

2) ค่าการกลั่นลดลงเหลือ US$1.3/bbl (-49% QoQ, -58% YoY) สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่ลดลง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน และอากาศยานที่ได้รับผลกระทบจากการ Lockdown

 

3) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง จากสงครามราคาน้ำมัน และอุปสงค์ที่ลดลงจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้มีขาดทุนสต็อกน้ำมันรวมการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) 9.6 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุน 0.1 พันล้านบาท ใน 4Q62 และกำไร 2.3 พันล้านบาทใน 1Q62

 

 

 

 

 


คาดผลประกอบการ 2Q63 จะฟื้นตัว QoQ จาก

1) ค่าการกลั่นได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมัน (Crude premium) ลดลง เพราะได้ Discount การซื้อน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางมากขึ้น (68% ของน้ำมันดิบในกระบวนการผลิต) โดยซาอุฯ ประกาศราคา OSP (ค่า Premium/Discount ราคาน้ำมัน Arab light เทียบกับน้ำมันดิบดูไบ) ช่วง 2Q63 เป็น Discount US$5.4/bbl เทียบกับ 1Q63 ที่เป็น Premium US$3.4/bbl

 

2) อุปสงค์น้ำมันเบนซิน (SPRC เป็นผู้ผลิตหลักของประเทศ) จะเริ่มฟื้นตัวช่วงกลาง-ปลายไตรมาสจากการผ่อนคลายการ Lockdown และพฤติกรรมการเดินทางที่เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น

 

3) ขาดทุนสต็อกจำนวนมากไม่เกิดขึ้นซ้ำ เนื่องจากทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวหลังจากการปรับลดการผลิตของ OPEC+ และจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ ที่ลดลง รวมทั้งจะมีกลับรายการขาดทุน NRV จาก 1Q63

 



คงประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2563 ที่ 4.9 พันล้านบาท แต่ถือว่าเป็นปีไม่ปกติเพราะการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และราคาน้ำมันดิบผันผวนมาก มองข้ามไปปี 2564 คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวเป็นกำไรสุทธิ 2.0 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และราคาน้ำมันที่ดิ่งลงได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว เราปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2563 ขึ้นเป็น 6.80 บาท (เดิม 5.80 บาท) อ้างอิง PBV ที่ 1.09x (เดิม 0.94x) จากค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาด -1.0SD

 

คงคำแนะนำ "ซื้อ" เพราะเราเชื่อว่าผลประกอบการ 1Q63 เป็นจุดต่ำสุดของปี, ทิศทางช่วงที่เหลือของปีฟื้นตัว, และ กระแสเงินสดมั่นคงเพราะไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ด้วย Upside gain ที่ไม่สูงนัก นักลงทุนอาจรอเข้าสะสมช่วงหุ้นอ่อนตัว

 

 

SPRC

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้