ภากร มอง SET ร่วงแรงตามตลาดหุ้นภูมิภาค หลังยอดตัวเลขผู้ป่วย-เสียชีวิตจากไวรัสโควิด 19 พุ่ง ระบุยังไม่จำเป็นต้องใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (24 กุมภาพันธ์ 2563 )  "ภากร ปีตธวัชชัย" กรรมการและผู้จัดการ ตลท. มอง SET ร่วงแรงตามตลาดหุ้นภูมิภาค หลังยอดตัวเลขผู้ป่วย-เสียชีวิตจากไวรัสโควิด19 พุ่ง ระบุยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ ยันตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง

ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงในภาคเช้าวันนี้ มองว่าเป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคและตลาดทั่วโลก เนื่องจากมีปัจจัยกดดันจากประเด็นที่พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดไวรัสโควิด-19 เพิ่มจำนวนสูงมากขึ้น มองว่าเป็นผลกระทบจากประเด็นเดียวกันทั่วโลก และประเทศไทยยังไม่มีประเด็นภายในที่ส่งผลกระทบโดยตรงโดยมองว่า หากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 มีจำนวนผู้ป่วยที่ลดลงหรือคงที่มากขึ้น ก็จะทำให้ตลาดทั่วโลกและในภูมิภาคมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตามการปรับลดของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคและทั่วโลก และมองว่าไม่น่ากังวล เนื่องจากปรับลดลงเพียง 2.20% เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีที่ปรับลดลง 3.05% , ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม ลดลง 2.65% , ดัชนีตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.54% และดัชนีตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 2.50%

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ แนะนำนักลงทุน เลือกกระจ่ายความเสี่ยง และเข้าลงทุนในหุ้นที่สามารถรับความเสี่ยงได้ตามกำลังเนื่องจากตลาดหุ้นในเดือนนี้ยังมีความผันผวนมาก อย่างไรก็ตามนักลงทุนสามารถเลือกหุ้นกลุ่มที่มีปันผลสูงและกลุ่มที่ไม่ถูกผลกระทบจากข่าวมากนัก อีกทั้งยังมั่นใจว่า นักลงทุนต่างชาติจะไม่เทขายหุ้นหรือสินทรัพย์ไทยออกไปอย่างรุนแรง เนื่องจากความเข้าใจตรงกันในสถานการณ์ดังกล่าวว่าได้รับผลกระทบเหมือนกันทั่วโลก

"นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เพียงเฉพาะประเทศไทย ตอนนี้การลงทุนวิธีที่ดีที่สุดคือการกระจายความเสี่ยง ที่ท่านนักลงทุนสามารถรับได้ เนื่องจากผลกระทบแต่ละหุ้นไม่เท่ากัน อีกทั้งอยากฝากไว้ว่าทุกครั้งที่มีวิกฤติ ย่อมมีโอกาสเสมอ ราคาหุ้นที่ลงมาจึงเป็นจังหวะดีที่ท่านจะสามารถเลือกลงทุนในหุ้นที่ได้ราคาเหมาะสมได้ " นายภากร กล่าว

ด้านความกังวลว่าจะมีการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำมาใช้หยุดการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ในกรณีที่การซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวมในตลาดหลักทรัพย์ฯ เกิดตกต่ำลงอย่างมากนั้น ตนมองว่ายังไม่มีแผนที่จะใช้มาตรการดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในสภาวะที่แข็งแกร่ง ประกอบกับนักลงทุนที่ยังตอบรับตลาดอย่างคึกคัก มั่นใจได้ว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีเสถียรภาพ และยังไม่จำเป็นต้องใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์กำลังผลักดันให้บริษัทจดทะเบียน ดำเนินธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ระบบ E-proxy ในการประชุมผู้ถือหุ้น และ E-voting ในการลงมติ เพื่อช่วยให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสใช้สิทธิลงมติในการประชุมผู้ถือหุ้นมากขึ้น ซึ่งได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว และอยู่ในระหว่างรอคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา