HotNews : CPF ยันไข้หวัดนกในจีน ไม่กระทบยอดขาย ปูพรมทั้งปี 63 ยอดพุ่ง 6 แสนลบ.

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (4 กุมภาพันธ์ 2563 ) บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF  ย้ำสถานการณ์ไข้หวัดนกในเมืองเชาหยางของจีน ไม่กระทบธุรกิจของบริษัท มั่นใจยอดขายทั้งปี 2563 เติบโตตามเป้า คาดรัฐบาลจีนมีประสบการณ์สามารถจัดการการระบาดได้โดยเร็ว

 

 

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า การระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ในฟาร์มไก่ที่เมืองเชาหยาง มณฑลหูหนานของจีนขณะนี้ ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจไก่ของบริษัท เพราะมีสัดส่วนประมาณ 2% ของยอดขายรวม นอกจากนี้ โรคไข้หวัดนกมีการระบาดในประเทศจีนมากกว่า 10 ปีแล้ว และเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ทำให้รัฐบาลจีนมีประสบการณ์และอนุญาตให้ใช้วัคซีนได้ ตลอดจนยังมีการจัดการป้องกันโรคและการกำจัดซากสัตว์ตามมาตรฐานสากล ช่วยให้การควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

นายประสิทธิ์ กล่าวว่า เนื้อไก่จากประเทศไทยยังมีโอกาสส่งออกไปยังประเทศจีนอีกมาก เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 ไทยมีการส่งออกเนื้อไก่ไปจีน 70,000 ตัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 150,000 ตันในปีนี้ เพราะจีนจะอนุมัติโรงงานของไทยเพิ่มขึ้นอีก จากสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้จีนมุ่งเน้นปรับปรุงภาคการผลิตอาหารเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหารของประชาชนมากขึ้น นอกจากธุรกิจไก่ที่ไม่ได้รับผลกระทบแล้ว นายประสิทธิ์กล่าวเสริมว่า ธุรกิจสุกรยังได้รับผลดีจากระดับราคาที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม กัมพูชา ลาวและไทย ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนให้ยอดขายปี 2563 ของซีพีเอฟ สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 600,000 ล้านบาท

 

 

บล.เคทีบีฯ แนะซื้อ CPF เคาะเป้า 35 บาท/หุ้น / กรุงไทย ซีมิโก้ เชียร์ซื้อ เป้า 34 บาท

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า วานนี้ ราคาหุ้น CPF ปรับตัวลงแรงถึง 6.67% คาดมาจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ในจีน โดยกระทรวงเกษตรจีนรายงานการระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ที่ฟาร์มไก่ในเมืองเชาหยาง มณฑลหูหนาน หลังจากไก่ในฟาร์มแห่งนี้ตายจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 ไปแล้ว 4,500 ตัวจากทั้งหมด 7,850 ตัว ขณะที่ทางการท้องถิ่นจีนสั่งฆ่าสัตว์ปีก 17,828 ตัว เพื่อป้องกันการระบาดเป็นวงกว้าง แม้ว่ายังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกจากการระบาดรอบนี้ ทั้งนี้ เชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจรุนแรงในสัตว์ปีกและติดต่อมาสู่คนจากการสัมผัสและอยู่ใกล้ชิดสัตว์ที่ติดเชื้อเป็นเวลานาน โดยผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้มีโอกาสเสียชีวิตกว่า 50% สูงกว่าโรคซาร์ส (อัตราการเสียชีวิต 10%) และไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (อัตราการเสียชีวิต 2%) ทั้งนี้ การระบาดของไข้หวัดนก เมื่อปี 2556 สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจจีน เป็นมูลค่าสูงถึง 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท (ที่มา: Thaipbs)

 

 

มีมุมมองเป็นลบเล็กน้อย เพราะคาดว่าผลกระทบจะมีจำกัด โดยตลาดอาจจะมีความกังวลในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม บริษัทประกอบการในระบบปิดมีระบบสุขอนามัยที่ได้มาตรฐานในการผลิตไก่และอาหารสัตว์ในจีน (ประมาณ 24% ของรายได้) ซึ่งสามารถพิสูจน์ให้เห็นมาแล้วจากการรับมือกับธุรกิจหมูในเวียดนามที่สามารถผ่านเรื่อง ASF มาได้ และเป็นผู้ชนะในธุรกิจหมูและได้ประโยชน์จากราคาขายที่ดี ขณะที่คู่แข่งขันจำนวนมากขาดทุนและต้องเลิกกิจการไป คาดว่า ผู้ประกอบการไทยจะได้ประโยชน์จากการที่จีนประสบปัญหาอุปทานไก่จากเรื่องไข้หวัดนกเช่นกัน ซึ่งผู้ผลิตไทยจะสามารถส่งออกไปทดแทนได้และเป็นที่น่าเชื่อถือในมาตรฐาน โดยในช่วงแรกราคาหุ้นอาจจะมีความกังวล แต่จะกลับมาได้ประโยชน์ในระยะยาว ทั้งนี้เรายังคาดกำไรปกติ 4Q19E ที่ 3.2 พันล้านบาท แข็งแรงจากเดิมที่คาดว่าจะเป็น low season +93% YoY, +12% QoQ การเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ สาเหตุหลักมาจากราคาหมูเวียดนามทำสถิติสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาโดยอยู่ในช่วง VND80,000-90,000/kg เพิ่มขึ้นประมาณ 83% จาก VND49,000/kg ใน 4Q18 และเพิ่มขึ้น 62% จาก VND55,000/kg ณ 3Q19 จากความต้องการที่มากขึ้นและอุปทานที่ลดลงมากจาก ASF ณ ปัจจุบันเข้าสู่รอบการฟื้นตัวของธุรกิจหมูซึ่งมีรอบระยะเวลา cycle การเลี้ยงที่ยาวนานประมาณ 9-11 เดือน ทำให้การฟื้นตัวค่อนข้างจะ sustain โดยผู้ประกอบการในเวียดนามที่จะกลับมาเลี้ยงหมูจะมี barrier มากกว่าปกติเพราะต้องมีการลงทุนที่สูงในระบบสุขอนามัยซึ่งผู้ประกอบการเวียดนามจำนวนมากยังขาดในจุดนี้

 

 

**คงคำแนะนำ "ซื้อ" CPF ที่ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท **

 

ยังคงราคาเป้าหมาย CPF ที่ 35.00 บาท อิง SOTP เรามองว่าราคาหุ้นยังไม่ได้ priced in ปัจจัยบวกทั้งหมดเพราะซื้อขายกันที่ PER เพียง 12x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย (-0.75SD below 5-yr average PER) และราคาปรับตัวลงมามากเกินไปจากความตื่นตระหนกเรื่องไข้หวัดนก ซึ่งเรามองว่าจะกลับมาส่งผลดีในระยะยาว ขณะที่ปัจจัยหนุนราคาหุ้นคือ ราคาสุกรในเวียดนามเข้าสู่รอบการ

 

 

 

 ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ ระบุว่า CPF

 

รายงานราคาเนื้อสัตว์และวัตถุดิบอาหารสัตว์เดือน ม.ค. 2020 พบว่า ราคาหมูและราคาไก่เฉลี่ย 75 บาท/กก. และ 36 บาท/กก. ส่วนราคากากถั่วเหลือง และราคาข้าวโพด 14 บาท/กก. และ 8.75 บาท/กก. ตามลาดับ (ที่มา: CPF) ราคาหมูและไก่เฉลี่ยในเดือน ม.ค. 2020 ปรับขึ้น 24% และ 2% จากราคาเฉลี่ยใน 4Q19 เป็น 75 บาท/กก. และ 36 บาท/กก. ตามลำดับ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปลายปี-เทศกาลตรุษจีน

 

 

และปัจจุบันราคาหมูในประเทศยังทรงตัวสูง 76-83 บาท/กก. ส่วนราคาไก่เป็นในประเทศอ่อนตัวลง หลังเทศกาลตรุษจีนเป็น 35 บาท/กก. ด้านราคาราคากากถั่วเหลือง และราคาข้าวโพดทรงตัว-ลดลง 2% จากราคาเฉลี่ยใน 4Q19 เป็น 14 บาท/กก. และ 8.75 บาท/กก. ตามลำดับ ราคาสัตว์บกที่ปรับตัวขึ้นในเดือน ม.ค. 2020 และสูงกว่าต้นทุนการลี้ยงหมูและไก่ที่ระดับ 50+ และ 30+ บาท/กก. จะทำให้อัตรากำไรในธุรกิจสัตว์บกของ CPF ("ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 34.00 บาท) และ TFG ("ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 5.50 บาท) ดีขึ้น QoQ