Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : จับตา Q1/62 กำไร CPF ทะลุ 3 พันลบ.

3,576

HotNews : จับตา Q1/62 กำไร CPF ทะลุ 3 พันลบ.

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (12 เมษายน 2562) 5 เทพหุ้น ส่องโค้งแรกกำไร CPF โตสวย หลังราคาหมู-ไก่ปรับตัวดีขึ้น ลุ้นกำไรพุ่งทะลุ 3 พันลบ. เทพหุ้นเคทีบี ให้เป้า29 บาท - ฟิลลิป แจกเป้า 30.25 บาท - ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี เคาะเป้า 30.25 บาท -หยวนต้า ชี้ทิศทางยังสดใส ให้เป็น Top pick ปี 2562 แทน TU -ทรีนีตี้ ให้ราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 30 บาท -ฟินันเซีย ไซรัส คงราคาเป้าหมายที่ 30 บาท

 

บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า ได้เข้าประชุมนักวิเคราะห์ และคาดว่า ใน1Q19 CPF จะมีกำไรสุทธิที่ 3.3 พันล้านบาท +9%YoY, +99%QoQ เรามองสอดคล้องกับผู้บริหาร โดยราคาหมูและไก่ปรับตัวดีขึ้น ในส่วนของ African Swine ในเวียดนาม ทาง CPF ที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้มีโอกาสกลับมาเป็นผู้ชนะในระยะยาว ในระยะสั้นอาจเกิดการ panic ในการบริโภคเนื้อหมูและทำให้ราคาหมูปรับลดลง แต่มองว่าในระยะยาวการควบคุมการระบาดจะเริ่มทำได้ดีขึ้น เราจึงมองว่าราคาหมูในเวียดนามจะมีการแกว่งตัวไปประมาณ 4-5 เดือนก่อนที่จะสูงขึ้นในที่สุดเพราะการขาดแคลนหมูหลังโรคระบาด

 

ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2019 ราคาหุ้นมีการอ่อนตัวลงจากความกังวลเรื่อง African swine อย่างไรก็ตาม เรามองว่า CPF จะเป็น winner ในธุรกิจสุกรจากระบบการเลี้ยงที่ดีและราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นในระยะยาว คงคำแนะนำ "ซื้อ" CPF อิง SOTP ที่ 29.00 บาท

 

 

CPF มองธุรกิจปศุสัตว์ดีขึ้นและ ASF จะทำให้ราคาหมูเวียดนามสูงขึ้นในระยะยาวได้เข้าประชุมนักวิเคราะห์ซึ่งผู้บริหารมีมุมมองดังนี้


1. ธุรกิจสุกรและไก่ในไทยจะฟื้นตัวขึ้นจากอุปทานที่ลดลง และการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าราคาสุกรและไก่ไทยจะยืนได้ในระดับที่สูงกว่าปีที่แล้ว


2. African Swine (ASF) จะไม่กระทบต่อ CPF เนื่องจากบริษัทมีระบบการเลี้ยงและผลิตที่เป็นมาตรฐาน ทั้งนี้ในระยะสั้น ผู้บริโภคจะเกิดการ panic และเกษตรกรรายย่อยที่มีทุนน้อยอาจจะขายสุกรออกมาในราคาถูก ทั้งนี้ CPF คาดจะได้ผลดีในระยะยาว เนื่องจากอุปทานใหม่จะเข้ามายากขึ้น เช่น ต้นทุนที่สูงในการเลี้ยงสุกรให้ปลอดภัย


3. จะรับรู้ค่าใช้จ่ายสำรองพนักงานเพิ่ม 1.8 พันล้านบาทใน 2Q19 เป็นรายการเกิดขึ้นครั้งเดียว

 

คาดว่า ใน 1Q19 CPF จะมีกำไรสุทธิที่ 3.3 พันล้านบาท +9%YoY, +99%QoQ ขณะที่กำไรปกติอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท จะฟื้นจากขาดทุน YoY จากฐานที่ต่ำเนื่องจากภาวะ oversupply และ +9%QoQ จากราคาสุกรปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 69 บาท +58%YoY, +12%QoQ และราคาไก่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 34 บาท +2%YoY, +3%QoQ จากอุปทานที่ลดลงและความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น

 

 

คงกำไรสุทธิปี 2019 ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท +4.7%YoY โดยเรามีมุมมองเป็นบวกต่อการประชุม ทั้งนี้กำไรใน 1Q19 คิดเป็น 21% ของกำไรทั้งปี และครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกตามฤดูกาล จึงคาดว่ากำไรทั้งปีจะใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ โดยภาพรวมของธุรกิจปศุสัตว์ในไทยเป็นไปตามที่เราคาด เรามองราคาหมูและไก่ปีนี้ยังทรงตัวระดับสูงที่ 68 บาท (+17%YoY) และ 35 บาท (+9%YoY) ทั้งนี้ผลกระทบจาก ASF ในเวียดนาม มองว่า CPF สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และมีโอกาสกลับมาเป็นผู้ชนะในระยะยาว

 

 

 

 

ขณะที่ในระยะสั้น ASF จะทำให้เกิดการ panic ในการบริโภคเนื้อหมูและทำให้ราคาปรับตัวลดลง แต่ในระยะยาวการควบคุมการระบาดจะเริ่มทำได้ดีขึ้น เราจึงคาดว่าราคาหมูในเวียดนามจะมีการแกว่งตัวไปประมาณ 4-5 เดือนก่อนที่จะสูงขึ้นในที่สุดเพราะการขาดแคลนหมูหลังโรคระบาด

 

 

ขณะที่โอกาสในการระบาดของโรคเข้าไทยนั้น เราไม่เป็นกังวลเพราะไทยได้มีการวางแผนรับมือที่ค่อนข้างเข็มงวด ราคาหุ้นของ CPF มีการฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2018 ตามธุรกิจสุกรที่ Turnaround ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2019 ราคาหุ้นมีการอ่อนตัวลงจากความกังวลเรื่อง African swine อย่างไรก็ตาม เรามองว่า CPF จะเป็น winner ในธุรกิจสุกรและราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นในระยะยาว เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" CPF อิง SOTP ที่ 29.00 บาท

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คาด 1Q62 การดำเนินงานปกติ CPF พลิกกำไร y-y จากราคาขายที่ดีทั้งในไทยและต่างประเทศ: ทางฝ่ายคาดการดำเนินงานปกติ 1Q62 จะกลับมากำไร y-y จากราคาขายหมูในไทย +59% y-y +12% q-q ไก่ +6% y-y +3% q-q ส่วนราคาหมูในเวียดนาม +55% y-y -3% q-q ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอย่างข้าวโพด -3% y-y -1% q-q และกากถั่วเหลือง -9% y-y -6% q-q ส่งผลให้ margin ดีขึ้น คาดยอด ขาย 130,157 ลบ. +8% y-y -9% q-q

 

 

และจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มงวดทำให้ค่าใช้จ่าย +7% y-y -11% q-q คาดกำไรปกติ 1,136 ลบ. +238% y-y +611% q-q และคาดจะมีรายการพิเศษที่เกิดขึ้นทั้งจากราคาหมูในเวียดนามที่ลดลงทำให้ต้องรับรู้ขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพเกิดขึ้น

 

 

แต่คาดจะมีกำไรจากการขายเงินลงทุน คาดกำไรสุทธิ 3,092 ลบ. +1% y-y +84% q-q แนะนำ "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท : แม้ระยะสั้นราคาหมูในเวียดนามที่อ่อนลงและโรคอหิวาต์หมูที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศทาให้กังวลต่อการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี แต่ทางฝ่ายคาดการดาเนินงานปกติปี 62 จะฟื้นตัวได้โดดเด่นตัวหนึ่งในกลุ่มจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ

 



บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์  เปิดเผยว่า คาดว่ากำไรปกติใน 1Q19F จะเติบโตแข็งแกร่งจากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่สูงขึ้นและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต่ำลง
เชื่อว่าการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่เวียดนามจะมีผลกระทบในเชิงลบจำกัด เนื่องจากราคาสุกรได้ฟื้นตัวแล้วในช่วงต้นเดือน เม.ย. ยังแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมายที่ 30.25 บาท

 


บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า ทิศทางยังสดใส ให้เป็น Top pick ปี 2562 แทน TU

 

4 เหตุผลคงคำแนะนำ "ซื้อ"

 

1) คาดกำไร 1Q62 เติบโต 22% QoQ และพลิกจากที่ขาดทุนใน 1Q61

2) ตลาดตระหนกต่อประเด็นโรค ASF ที่ระบาดในจีน เวียดนาม และกัมพูชามากเกินไป แต่ผลกระทบต่อ CPF จำกัด ขณะที่เป็นการช่วยลดปริมาณผู้เล่นในตลาด ทำให้ราคาหมูในระยะยาวสูงขึ้น

3) ประเด็นลบสะท้อนในราคาหุ้นแล้วทั้ง ASF และการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานใน 2Q62 ความเสี่ยงเรื่องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่มีนัยสำคัญต่อต้นทุนขายของบริษัท

4) ราคาหุ้น YTD +1.6% ยัง Laggard กลุ่มอาหารที่ +8.1% จึงให้เป็น Top pick กลุ่มอาหารปี 2562 แทน TU

 

 

 

 

คาดกำไรปกติ 1Q62 ดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY


รายได้หลักคาดที่ 1.25 แสนลบ. (-12.8% QoQ, +4.0% YoY) จากธุรกิจหมูและไก่ในประเทศที่ดีขึ้น ทั้ง QoQ และ YoY ส่วนธุรกิจหมูในเวียดนามดีขึ้น YoY แต่คาดชะลอลง QoQ ตามราคาที่ปรับตัวลง ธุรกิจในต่างประเทศอื่นๆ ยังทำกำไรได้ดี อัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 13.8% จาก 9.4% ใน 1Q62 เพราะราคาสัตว์บกสูงขึ้นมาก YoY ทำให้ Operation

 

ในประเทศพลิกมามีกำไรในไตรมาสนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดใกล้เคียงกับ 4Q61 ที่ 9.8% ของรายได้หลัก EBITDA คาดที่ 8.2 พันลบ. (+0.3% QoQ, +6.3% YoY) ดอกเบี้ยจ่ายคาดใกล้เคียงกับ 4Q62 ที่ 3,273 ลบ. คาดกำไรจากการขายเงินลงทุน 1,000 ลบ. และขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพ(ส่วนใหญ่มาจากราคาหมูเวียดนามลดลง QoQ) อีก 400 ลบ. เราคาดกำไรสุทธิที่ 3,069 ลบ. และกำไรปกติที่ 2,269 ลบ. จากที่ขาดทุนปกติ 641 ลบ. ใน 1Q61 และเติบโต 22.4% QoQ

 

 

 

 

ASF เป็นลบสั้นๆ แต่ดีต่อ Supply หมูในระยะยาว


โรคอหิวาห์ในหมู หรือ ASF ยังไม่มีวัคซีนรักษาให้หายได้แต่ไม่ติดต่อสู่คน เป็นโรคที่เกิดขึ้นมานานแล้วในยุโรป แต่เป็นเรื่องใหม่ในเอเชีย เริ่มจากจีนที่กระจายทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว กดดันการบริโภคหมูในช่วงแรก แต่เมื่อสถานการณ์ควบคุมได้ทำให้ราคาดีดกลับได้เร็วเช่นกัน เพราะปริมาณหมูในจีนเริ่มขาดตลาด และต้องมีการนำเข้ามากขึ้น

 

โดยผลกระทบของ CPF ในจีนจำกัดเพราะไม่มีธุรกิจฟาร์ม แต่เมื่อเชื่อลุกลามมายังเวียดนามจึงมีความเสี่ยง แต่ปัจจุบันพบการระบาดเพียงตอนเหนือเท่านั้นกดดันราคาหมูเดือน มี.ค. ลดลงไปเหลือเพียง 40,000 ดอง/ก.ก. แต่ฟาร์มของ CPF ส่วนใหญ่อยู่ตอนกลาง และใต้ และเมื่อสถาการณ์ควบคุมได้เร็วทำให้ราคาหมูดีดกลับมาที่ราว 43,000 บาท/ก.ก.

 

ณ ปัจจุบัน เราประเมินว่าผลกระทบด้านราคาเป็นเพียงชั่วคราว ระยะ 1-2 เดือนข้างหน้าอาจเห็นการกลับมาที่ระดับ 45,000 ดอง/ก.ก. ขึ้นไปได้ เพราะ

1) ปริมาณหมูในประเทศน้อยลงจากการจำกัดหมูติดเชื้อ

2) ผู้เลี้ยงที่เพิ่งผ่านช่วงราคาตกต่ำในปีที่แล้วและต้องเผชิญปัญหาโรคระบาดอีกหยุดการเลี้ยง

3) ธุรกิจการเลี้ยงหมูไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปช่วยจำกัดปริมาณผู้เลี้ยงรายใหม่ ส่วนการแพร่ระบาดในกัมพูชาสถานการณ์ยังไม่รุนแรง

 

คงคำแนะนำ ซื้อ และให้เป็น Top pick กลุ่มอาหารปี 2562

 


ประเด็นลบจากการตั้งสำรองประโยชน์ของพนักงงาน 1,812 ลบ เราคาดว่าเป็นประเด็นที่ตลาดรับรู้แล้ว ซึ่งบริษัทจะบันทึกทั้งหมดใน 2Q62 ประเด็น ASF คาดว่าสะท้อนไปแล้วเช่นกัน ส่วนประเด็นขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปลกระทบต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 1% บนสสมติฐานที่ 450 บาท/วัน เพราะ Operation ของ CPF กระจายอยู่ในต่างประเทศค่อนข้างมาก

 

จึงไม่เห็นปัจจัยลบใหม่ ส่วนแนวโน้มกำไรใน 2Q62 คาดดีต่อจากราคาหมูไก่ในประเทศ การส่งออก การลดลงของต้นทุนการผลิตอย่างราคากากถั่วเหลือง และข้าวโพด และราคาหมูในเวียดนามดีขึ้นตามลำดับ จึงเป็นโอกาสในการสะสม ด้วยราคาเป้าหมาย 33.60 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ และให้ CPF เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มอาหารปี 2562 แทน TU โดยราคาหุ้น YTD +1.6% เทียบกับกลุ่มอาหาร +8.1%

 

 

ความเสี่ยง: หากโรคระบาดแพร่ระบาดในไทยอาจกระทบจิตวิทยาช่วงสั้นได้

 

 

 


บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า คาดกำไร 1Q62 CPF ปรับตัวดีขึ้นตามแนวโน้มราคาหมูในไทยและตปท. โดยคาดกำไรปกติที่ 2,036 ล้านบาท ดีขึ้น 21%QoQ และดีขึ้นมากจากที่ขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในด้านรายได้อาจอ่อนตัวลงเนื่องจากมีการปรับมาตรฐานบัญชี TFRS15 ทำให้ไม่มีการรับรู้รายได้และต้นทุนขายจาก Contract Farming แต่โดยสุทธิจะไม่กระทบต่อกำไร สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 13.6%

 

ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับมาตรฐานบัญชี และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาหมูทั้งในและต่างประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะราคาหมูในไทยที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 73.3 บาท/กก. (+18%QoQ และ +64%YoY) ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อนซึ่งเป็นปกติตามฤดูกาล ส่วนสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตามพรบ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่คาดว่าจะไปบันทึกใน 2Q62 ราว 1.8 พันล้านบาท

 

ธุรกิจฟาร์มสัตว์บกในต่างประเทศอาจอ่อนตัวในช่วงที่เหลือของปี


จากการระบาดของโรคอหิวาต์หมู (AFS) ในเวียดนาม ทำให้ราคาหมูในช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเหลือราว 4 หมื่นดอง/กก. แม้ว่าในช่วงเดือนเม.ย. จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของราคามาบ้างแล้วก็ตาม สำหรับการเลี้ยงในฟาร์มปิดของ CPP ไม่ได้ติดเชื้อดังกล่าว แต่ได้รับผลกระทบจากราคาขายที่ลดลงเช่นเดียวกัน

 

ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการใน 2Q62 อ่อนตัวลง นอกจากนี้ในกัมพูชาเริ่มมีการรายงานการเกิดโรค AFS ด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะยังอยู่ในวงจำกัด ซึ่งหากมีการแพร่ระบาดมากขึ้นทั้งในเวียดนามและกัมพูชา อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในช่วงทีเหลือของปีได้ เนื่องจากคาดว่าผลกระทบจากโรค AFS นั้นต้องใช้เวลาราว 6 เดือน กว่าที่ราคาหมูจะกลับมาฟื้นตัวได้

 

 

คงราคาเป้าหมายและคำแนะนำ


ให้ราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 30 บาท อิง PBV 1.3 เท่า ด้วย Upside ปัจจุบัน จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงจากราคาหมูในต่างประเทศอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท ซึ่งอาจทำให้เราปรับลดประมาณการลงได้

 

ความเสี่ยง: ความเสี่ยงจากการระบาดของโรค AFS อาจทำให้ราคาหมูปรับตัวลง

 

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า คาดกำไร 1Q19 ยังดี แต่ 2Q-3Q19 ดูเสี่ยงมากขึ้น ระยะสั้น แนวโน้มกำไปกติ 1Q19 คาดโตดีทั้ง Q-Q และ Y-Y เพราะราคาหมูทั้งในไทยและเวียดนาม รวมถึงราคาไก่ในไทยปรับตัวขึ้น คาดเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการในไทยและเวียดนาม พลิกจากที่ขาดทุนในปีก่อน แต่เรามีความกังวลต่อโรค AFS ที่ระบาดในเวียดนาม และเริ่มเข้าที่กัมพูชา เพราะราคาหมูเวียดนามเริ่มปรับลดลงตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.

 

โดยปรับลงแรง -20% M-M และหากอิงกับเหตุการณ์ที่เกิดในจีนตั้งแต่เดือน ส.ค. 2018 ซึ่งใช้เวลาราว 6 เดือนกว่าราคาหมูจะกลับมาปรับขึ้นอีกครั้ง แต่โรคไม่ได้หายไป โดยเกิดจากปริมาณผลผลิตลดลงจนเข้าสู่ภาวะตึงตัว ส่วนกัมพูชาเพิ่งเริ่มเข้าไป ราคาหมูยังไม่ได้รับผลกระทบ ทำให้แนวโน้มผลประกอบการ 2Q-3Q19 ยังมีความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับโรค AFS เป็นหลัก และในกรณี Worst Case ถ้าลุกลามเข้ามาในไทย จะเป็นลบต่อราคาหุ้นอย่างมาก แต่เชื่อว่าจะฟื้นกลับได้ในระยะถัดไป ภายใน 3-6 เดือน

 

 

 

และหลังจากนั้นน่าจะได้รับผลบวกจากราคาหมูที่กลับมาปรับขึ้น เรายังคาดกำไรปกติปี 2019 โต 15.8% Y-Y และคงราคาเป้าหมายที่ 30 บาท (อิง PE เดิม 17 เท่า) แม้จะมี Upside 18.8% แต่ด้วยแนวโน้มผลประกอบการ 2Q-3Q19 ดูมีความเสี่ยงมากขึ้น จึงปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิม ซื้อ

 


คาดกำไรปกติ 1Q19 อยู่ที่ 2,048 ล้านบาท (+21.8% Q-Q, พลิกจากที่ขาดทุนในปีก่อน) สาเหตุที่กำไรฟื้นตัวมาจากราคาเนื้อสัตว์ฟื้นตัวเป็นหลัก

 

โดยราคาหมูเวียดนามเฉลี่ย 1Q19 เท่ากับ 4.6 หมื่นด่องต่อกก. (-6.3% Q-Q, +49.4% Y-Y), ราคาหมูในไทยเท่ากับ 73.33 บาท/กก. (+12.8% Q-Q, +57.1% Y-Y) และราคาไก่ในไทยเท่ากับ 34 บาท/กก. (+3% Q-Q, +6.3% Y-Y) ภาพรวมธุรกิจดูดีขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบยังอยู่ในระดับต่ำ จะส่งผลบวกต่อรายได้คาดไตรมาสนี้โต 6% Y-Y และคาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.8% เพิ่มขึ้นจาก 9.4% ใน 1Q18 และ 12.6% ใน 4Q18 ส่วนค่าใช้จ่ายยังถูกควบคุมอย่างเข้มงวด คาดสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 9.8%

 

 

 

 

 

 

ทั้งนี้จะเริ่มปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS 15 ซึ่งจะไม่สามาถรับรู้รายได้และต้นทุนจากการทำ Contract Farming จะมีผลทำให้รายได้ลดลงราว 2 หมื่นล้านบาทต่อปี (คิดเป็น 3.5% ของรายได้รวม) แต่ธุรกิจนี้มีมาร์จิ้นที่ค่อนข้างต่ำ จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายไม่กระทบต่อกำไรจากการดำเนินงานส่วนกำไรสุทธิ 1Q19 คาดไว้ที่ 3,548 ล้านบาท (+111.4% Q-Q, +16.4% YY)

 

แม้คาดจะรับรู้ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมพันธุ์หมู แต่คาดถูกชดเชยได้จากกำไรขายเงินลงทุน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน 1.8 พันล้านบาท คาดรับรู้เข้า 2Q19 ทั้งจำนวน

 

อย่างไรก็ตามมีความกังวลต่อผลประกอบการ 2Q19 - 3Q19 มากขึ้น ภายหลังโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (AFS) ระบาดในเวียดนาม (เริ่มเข้าเดือน มี.ค. 2019) และกัมพูชา (เริ่มเข้าเดือน เม.ย. 2019) ทำให้ราคาหมูในเวียดนามเดือน มี.ค. อ่อนตัวลงไปอยู่ที่ 3.9 - 4.0 หมื่นด่องต่อกก. แม้ล่าสุดในเดือน เม.ย. จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4.2 หมื่นด่องต่อกก. แต่เป็นการลดลงจากเดือน ก.พ.

 

 

 

ซึ่งอยู่ที่ 5 หมื่นด่องต่อกก. และทำให้มาร์จิ้นแคบลงเมื่อเทียบกับต้นทุนการเลี้ยงที่ 3.4 หมื่นด่องต่อกก. ส่วนกัมพูชาเพิ่งได้เริ่มเกิดโรค AFS ขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน และรายงานล่าสุดพบความเสียหายน้อยมากเพียง 400 ตัว ทำให้ยังไม่เห็นผลกระทบด้านราคา อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ลุกลามมากขึ้น อาจทำให้ราคาหมูในเวียดนามและกัมพูชาปรับลงมากขึ้น

 

หมายเหตุ - โรค AFS เกิดขึ้นมานานเป็น 10 ปีแล้ว โดยเกิดจากไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวิธีหรือวัคซีนป้องกัน และไม่มียารักษาให้หาย วิธีที่ปฏิบัติกันคือ ทำลายฟาร์มที่เกิดโรค และฟาร์มในละแวกใกล้เคียง 2-5 กม. (ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ) เพื่อจำกัดการระบาดของโรค และที่สำคัญคือ ไม่ติดต่อสู่คน

 

การฟื้นตัวของราคาหมูจากโรค AFS อาจกินเวลาราว 6 เดือน
หากอิงจากจีนที่เกิดโรค AFS ระบาดมาก่อน ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2018 ทำให้ราคาหมูในจีนปรับลงต่อเนื่องจาก 13 - 14 หยวนต่อกก. ไปแตะระดับต่ำสุดของรอบในเดือน ม.ค. 2019 ที่ 11.5 หยวนต่อกก. และล่าสุดราคาหมูได้กลับมาปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือน มี.ค. โดยมีราคาเฉลี่ยเดือน เม.ย. อยู่ที่ 15.6 หยวนต่อกก. ทำจุดสุงสุดในรอบ 14 เดือน มาจาก Supply ที่หายไปจนเข้าสู่ภาวะผลผลิตตึงตัว

 

 

 

รวมใช้เวลาราว 6 เดือน กว่าราคาหมูจะกลับมาปรับขึ้น (แต่โรค AFS ยังไม่ได้หายไป โดยมีการระบาดเกือบ 100% ของประเทศจีนแล้ว) ดังนั้นถ้าอิงจากสถานการณ์ในจีน คาดราคาหมูเวียดนามน่าจะปรับขึ้นอีกครั้งในช่วง 3Q19 ทั้งนี้ยังคงต้องฝ้าระวังต่อไป รวมถึงสถานการณ์ในกัมพูชาด้วยในกรณี Worst Case หากโรค AFS ลามเข้ามาในไทย เรามองว่าจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อราคาหุ้นมาก แต่เชื่อว่าจะฟื้นกลับได้เร็ว

 

โดยใช้เวลาราว 3 - 6 เดือน ก่อนที่สถานการณ์จะกลับสู่ปกติ และหลังจากนั้นเชื่อว่า CPF จะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากราคาหมูกลับมาปรับขึ้นแรงอีกครั้ง เพราะ Supply หายไป ทั้งนี้เรายังคาดกำไรปกติปี 2019 ไว้ที่ 9 พันล้านบาท (+15.8% Y-Y) และคงราคาเป้าหมายที่ 30 บาท

 

CPF

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้