
Hotnews : SCC หั่นเป้ายอดขายปีนี้หด 9-10% หลังเจอ พิษศก.โลก
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(25 กรกฎาคม 2562) SCC คาดยอดขายปี 62 หด 9-10% เหตุ H1/62 หลุดเป้า-เศรษฐกิจโลกผันผวนสูง คาดเริ่มบุ๊ครายได้จาก Fajar บ.บรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของอินโดนีเซีย ตั้งแต่ Q3/62 เป็นต้นไป พร้อมแจงกำไรQ2/62 ทรุด 40% จากไตรมาสก่อน เหตุจ่ายชดเชยตามกฎหมายแรงงาน - ส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่า ยอดขายปี 2562 จะลดลง 9-10 % จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 5-10 % เนื่องจากตลาดในต่างประเทศยังคงชะลอตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ จากภาวะสงครามการค้า และความผันผวนของราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 221,473 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปตามราคาตลาดโลก โดยมีกำไรก่อนบันทึกรายการเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานอยู่ที่ 20,741 ล้านบาท ลดลง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหากบันทึกรายการดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จะมีกำไรอยู่ที่ 18,706 ล้านบาท
.jpg)
อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะเน้นการเติบโตของธุรกิจในระยาวให้มากขึ้น โดยในส่วนของธุรกิจซีเมนต์บริษัทฯ คาดว่าในปี 2562 นี้จะเติบโตที่ 3-4% จากการประมูลงานโครงสร้างพื้นฐาน แต่ในส่วนของผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจะยังคงไม่มีการเติบโต
ขณะที่ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าไปซื้อหุ้น Fajar ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ในประเทศอินโดีเซีย จะเริ่มมีการบันทึกผลประกอบการใรไตรมาส 3/2562 นี้
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ปรับงบลงทุน จากเดิม 80,000 ล้านบาท เป็น 70,000 ล้านบาท โดยพิจารณาชะลอการลงทุนในโครงการระยะยาวและให้ผลตอบแทนช้า แต่จะเน้นลงทุนของธุรกิจเคมิคอลส์และธุรกิจแพคเกจจิ้ง รวมถึงโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพและซ่อมบำรุง โดยรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 มีมูลค่าการลงทุนเท่ากับ39,768 ล้านบาท ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนเป็นของธุรกิจแพคเกจจิ้ง 60% ธุรกิจเคมิคอลส์ 28% ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 10% และอื่นๆ 2%

"อนึ่ง SCC เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 2 ปี 2562 เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน (สุทธิ 2,035 ล้านบาท) เท่ากับ 9,079 ล้านบาท ลดลง 22% จากไตรมาสก่อนจากปัจจัยสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 7,044 ล้านบาทลดลง 40% จากไตรมาสก่อน เอสซีจีมี EBITDA from Operations เท่ากับ 14,456 ล้านบาท ลดลง21% จากไตรมาสก่อน EBITDA เท่ากับ 19,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วงที่มีรายได้เงินปันผลรับจากบริษัทร่วม"
ขณะที่มีรายได้จากการขายเท่ากับ 109,094 ล้านบาท ลดลง 3% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ของธุรกิจหลักลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ลดลง 27% ตามผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์จากปัจจัยสงครามการค้า หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
กำไรสำหรับงวดลดลง 43% เอสซีจีมี EBITDA from Operationsและ EBITDA ลดลง 30% และ 25% ตามลำดับ ขณะที่รายได้จากการขายลดลง 9% สาเหตุหลักจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง

"ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2562 เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวดก่อนรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน 20,741 ล้านบาท ลดลง 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง จากผลกระทบของสงครามการค้า หากรวมรายการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน กำไรส าหรับงวดเท่ากับ 18,706 ล้านบาท ลดลง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน EBITDA เท่ากับ 39,360 ล้านบาท ลดลง 19%"
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขายเท่ากับ 221,473 ล้านบาทลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 เอสซีจีมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม เท่ากับ 6,765 ล้านบาท ลดลง 1,172 ล้านบาท หรือ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนมาจากบริษัทร่วมในธุรกิจเคมิคอลส์คิดเป็น 64% ของทั้งหมด หรือเท่ากับ 4,308 ล้านบาท ลดลง 27% ขณะที่มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจากธุรกิจอื่นคิดเป็น 36%ของทั้งหมด หรือเท่ากับ 2,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
SCC