เหตุผล ที่นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกการวิเคราะห์

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (2 เมษายน 2562)-------- วันก่อนผมได้คุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งตั้งคำถามได้ดีมาก "การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีความแม่นยำมากน้อยเพียงไร" ซึ่งผมก็ได้ตอบกลับไปว่ามันมีองค์ประกอบหลายสิ่งให้เราพิจารณา

 

ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจว่าตลาดเคลื่อนไหวด้วยความรู้สึกของมนุษย์ จึงประกอบไปด้วยคน 3 ประเภท คือผู้ซื้อ (ที่ต้องการได้ราคาถูกที่สุด)

 

1. ผู้ซื้อ (ที่ต้องการได้ราคาถูกที่สุด)
2. ผู้ขาย (ที่ต้องการทำกำไรให้ได้มากที่สุด)
3. ผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจ (เป็นตัวแปรนอกสมการ)

 

ซึ่งคนทั้ง 3 กลุ่มนี้ต่างขับเคลื่อนด้วยจิตวิทยาของอารมณ์ที่บกพร่องในสัดส่วน 80% จึงทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดมักถูกเปรียบเทียบดั่งเช่นอารมณ์ของเพศหญิงซึ่งมีความแปรปรวนได้ตลอดเวลาจากเหตุผลเดิมๆ จึงทำให้เหตุผลเดิมไม่สามารถใช้ได้ทุกครั้ง ถึงแม้จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันก็ตาม จึงมีคำกล่าวหนึ่งที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับตลาด

 

" ถ้าต้องการเอาชนะตลาดต้องใช้เหตุผลให้น้อยที่สุด"

 

เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค ถูกออกแบบมาโดยอ้างอิงหลักการทางคณิตศาสตร์ ที่ประกอบไปด้วยหลักการทางสถิติและ ความน่าจะเป็น แต่อย่างที่เราทราบกันดีว่าตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวด้วยหลักการทางฟิสิกส์ การวิเคราะห์ทางเทคนิค จึงไม่สามารถพยากรณ์ทิศทางตลาดได้อย่างแม่นยำทุกครั้ง (จากหนังสือที่ผมอ่านบางเล่มระบุไว้)

 

ผมมักอธิบายถึงความเป็นจริงในแง่ของการเทรดเปรียบเทียบกับการพนัน โดยยกตัวอย่างเทียบกับการพนัน, อย่างที่เราทราบกันดีว่าการพนันมีโอกาสแพ้ชนะในสัดส่วน 50/50 (หรือ 1 ใน 2 เท่านั้น) แล้วการเทรดซึ่งผมมักเรียกว่าการเก็งกำไรล่ะ มันมีโอกาสชนะในสัดส่วนเท่าไหร่?

 

*** นักวิเคราะห์ทางสถิติบางคนมองว่าการเทรด (หรือการเก็งกำไร) มีอัตราส่วนของผู้ชนะมากกว่าการพนันเพียง 1% เท่านั้น ถ้าการพนันคือ 50/50 การเทรดก็ควรมีสัดส่วนอยู่ที่ 51/49 ซึ่งตัวเลขนี้ทำให้เราต้องพิจารณาให้รอบคอบขึ้นในการตัดสินใจเปิดออเดอร์ในแต่ละครั้ง แล้วอะไรที่ทำให้ มูลค่า 1% นั้น ทวีคูณ

 

 

โดยส่วนตัวของผมมองว่าโลกนี้ได้นิยามการทำกำไรไว้อยู่ 3 แบบ คือ

 

1. การลงทุน การลงทุนควรเป็นธุรกิจที่หวังผลในระยะยาว (หรือระยะสั้น) ซึ่งต้องประกอบไปด้วย เงินทุน โปรดักส์ (หรือผลิตภัณฑ์) และการคาดการณ์ การลงทุนหุ้นในตลาด stock ก็อยู่ในขอบเขตนี้เช่นกันถ้าหากมีการใช้ time period ที่เหมาะสม ซึ่งต้องมีการวิเคราะห์ประเมิณแบบแผนสำคัญของตลาด การพิจารณาเทรนด์ของสังคมในขณะนั้นว่าตอบรับกับโปรดักส์ชนิดใด ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ที่มองเห็นเหตุผลที่เป็น fact มากกว่าการคาดการณ์บนหลักการทางสถิติ จุดเด่นของการลงทุนคือ ความเสี่ยงน้อย ผลตอบแทนต่ำ คาดหวังผลในระยะยาว source ของมันคือ

economic+ product+ reason+ management + math + science + psychology + Method + mind = answer

 

 

2. การเก็งกำไร คือการทำกำไรในระยะสั้นต่อทิศทางหรือการคาดการณ์ของโปรดักส์นั้นๆ เช่น tfex forex และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยหลักการทางสถิติมาพิจารณาเป็นหลัก เพราะสินค้าหรือโปรดักส์นั้นๆไม่ได้เคลื่อนไหวอยู่บน fact ซึ่งนิยามของการเก็งกำไรคือ high risk high return หรือ ยิ่งความเสี่ยงสูง ผลตอบยิ่งมากขึ้น โดยมี source คือ

economic + product + probability(or volatility) + psychology + management + Method + mind = answer

 

 

3. การพนัน คำนี้อย่างที่เราทราบกันว่าเป็นการวางเดิมพันโดยใช้ความน่าจะเป็นด้วย mind เพียงอย่างเดียว

product + mind + volatility + confidence = answer

 

 

เมื่อเราแยก source ออกมา จะเห็นถึงความแตกต่างระหว่างการลงทุน การเก็งกำไรและการพนันได้อย่างชัดเจน ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าในตำแหน่งที่ 3 ของ การลงทุน การเก็งกำไรและการพนันจะแตกต่างกัน

 

การลงทุนขับเคลื่อนด้วย reason ที่เริ่มต้นจาก economic ส่วนการเก็งกำไรขับเคลื่อนด้วย probability (หรือ volatility) ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ชัดเจน ในขณะที่การพนันถูกขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกล้วนๆ ที่มีจุดเริ่มต้นจาก product ที่ถูกนำมาใช้เป็นเกมวางเดิมพัน

 

ทำไมผมจึงเขียนออกมาในลักษณะนี้ แอนตี้การเทรดกระนั้นหรือ? ก็ขอตอบว่าไม่ใช่ครับ แต่ทุกอย่างบนโลกแห่งการทำธุรกิจ(หรือแม้แต่การเทรดก็ตาม) สิ่งแรกเลยที่เราควรเรียนรู้ ไม่ใช่วิธีการ แต่ควรเป็น "ความเข้าใจ" เมื่อเราเข้าใจเกมที่จะเล่นแล้ว เราก็จะกำหนด status เพื่อวางแผนบริหารจัดการความเสี่ยงและหาวิธีการได้อย่างถูกต้อง รวมไปถึงหาวิธีการทำกำไรที่เหมาะสม

 

เมื่อย้อนกลับไปที่ *** จะเห็นคำตอบว่าทำไมการเก็งกำไรจึงมีศักดิ์สูงกว่าการพนันเพียงแค่ 1% , เหตุผลคือ

 

การเก็งกำไรถูกขับเคลื่อนด้วย probability (หรือ volatility) และใช้ Method เพื่อให้ได้ answer ในขณะที่การพนันขับเคลื่อนโดย probability แล้วใช้ confidence ด้วยความรู้สึกจัดการหา answer ซึ่งคุณสตีพ ไนสัน ได้เคยกล่าวไว้ในหนังสือของเขาว่า

 

"การเทรดที่ดีประกอบไปด้วย การวางแผนที่ดี มีกลยุทธ์ที่เหมาะสม และยังคงต้องประกอบไปด้วยโชคในระดับหนึ่งอีกเช่นกัน" เมื่อโชคเป็นตัวแปรส่วนหนึ่งที่เข้ามาในสมการแห่งความสำเร็จ สิ่งแรกเลยในฐานะนักลงทุนที่ควรทำคือ " บริหารจัดการวิธีการทำกำไรให้เหมาะสม"

 

อันที่จริงยังเขียนไม่จบครับ ยังมีอีกหลายๆเหตุผลที่ต้องถูกนำมา cross กันจึงจะเข้าใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ แต่เนื่องด้วยวันนี้มีเวลาจำกัด ก็ขอยกยอดไว้เป็นครั้งถัดไปนะครับ ซึ่งในบทความนี้ถูกผิดอย่างไรก็ขออภัยมา ณ. ทีนี้ด้วยนะครับ ผมเองก็อยากฟังหลากหลายมุมมอง หลากหลายความเห็น เพื่อการพัฒนาไปสู่การเทรดที่เหมาะสมที่สุดครับ

 

สิ่งสำคัญที่ควรจำ key success ของตลาดคือควบคุมพอร์ตด้วย risk manage ที่อยู่บน money management แล้วลั่นไกด้วย technical anlyse ด้วย psychology ที่ดี

 

ดร.เอก ดำเนินเกษม