เปิดสถิติฟันธง เลือกตั้ง24มีนาคมกับตลาดหุ้นไทย วิกฤตถอนรากคสช.หรือวิ่งแรลลี่รอบใหญ่ 2 ปี มีคำตอบ
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (7 กุมภาพันธ์ 2562)----มีความกังวลกันอย่างแพร่หลายว่าการเลือกตั้งปีพ.ศ.2562จะนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมือง เนื่องจากการเลือกตั้งหนนี้ คล้ายกับการเลือกตั้งหลายหนที่ผ่านมาในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย นั่นคือ
เป็นการเลือกตั้งภายหลังการทำรัฐประหาร → ผู้นำกองทัพเป็นนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำหลังรัฐประหาร → มีการจัดการเลือกตั้งเพื่อให้ผู้นำทางกองทัพได้เป็นผู้นำรัฐบาลต่อไป → เกิดความไม่เรียบร้อยราบรื่นในการเลิกตั้ง และนำไปสู่การประท้วงการก่อการจลาจล → ผู้นำกองทัพสิ้นอำนาจลงหลังการจลาจล
การเลือกตั้งเที่ยวนี้ มันเป็นการวนลูปเดิมไหม? และจะวนไปเข้าลูปไหน ลองย้อนดูประวัติศาสตร์กันนะครับ
วิกฤตการณ์เลือกตั้งสกปรกปีพ.ศ.2500 จอมพลป.พิบูลสงคราม และคณะรัฐประหารตั้งพรรคเสรีมนังคศิลา → ชนะเลือกตั้ง → นักศึกษาเดินขบวนต่อต้านเลือกตั้งสกปรก → จอมพลป.โดนจอมพลสฤษดิ์ ปฏิวัติรัฐประหาร โดนเนรเทศ ไปตายที่ญี่ปุ่น
เลือกตั้งปีพ.ศ.2512 จอมพลถนอม กิตติขจร ที่สืบทอดอำนาจคณะรัฐประหารต่อจากจอมพลสฤษดิ์ ตั้งพรรคสหประชาไทย → ชนะเลือกตั้ง → ต่อมาในปี2514 จอมพลถนอมรำคาญส.ส.และระบอบประชาธิปไตย เลยปฏิวัติรัฐประหารตัวเองยุบสภา → นศ.เดินขบวนขับไล่เรียกร้องรธน.ในเหตุการณ์14ตุลาคม2516 → จอมพลถนอมโดนขับไล่ไปต่างประเทศ
เลือกตั้งพ.ศ.2535/1 พลเอกสุจินดา และคณะรัฐประหารรสช.(ให้นอมินี)ตั้งพรรคสามัคคีธรรม → ชนะเลือกตั้ง มาเป็นนายกฯจากที่เคยบอกจะไม่เป็น → ปชช.เดินขบวนขับไล่ว่าพลเอกสุจินดาเสียสัตย์ เกิดเหตุพฤษภาทมิฬ พลเอกสุจินดาลาออก หมดอำนาจลง
เลือกตั้งพ.ศ.2550 พลเอกสนธิ บุณยะรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหาร คมช. ตั้งพรรคมาตุภูมิ ได้รับเลือกตั้งเพียงคนเดียว ตอนนี้ยุบไปเข้าพรรคลูกสาวนายบรรหาร
เลือกตั้งพ.ศ.2562 พลเอกประยุทธ์ และคณะรัฐประหาร(ให้นอมินี)ตั้งพรรคพลังประชารัฐèเลือกตั้ง2562 !?...
...
ความแตกต่างสำคัญของสถานการณ์ตอนนี้คือ ประชาชนในประเทศไม่เป็นเอกภาพ แต่แบ่งเป็น2ฝ่าย จึงไม่น่าจะมีการประท้วงใหญ่หลังเลือกตั้งให้เกิดเป็นจลาจล
บรรยากาศสภาพแวดล้อมทางการเมืองในพ.ศ.นี้ ต่างไปจากปีพ.ศ.2500 ,ปีพ.ศ.2516 และพ.ศ.2535หละนะครับ คือถึงปี 2562 นี้แม้ว่าอาจจะเสี่ยงเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกับ"การเลือกตั้งสกปรก"ที่เคยเกิดขึ้นในปีพ.ศ.2500 หรือผู้นำรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารเสื่อมความนิยมลงแบบเดียวกับยุคจอมพลถนอม พลเอกสุจินดา แต่พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้นำกองทัพเวลานี้ ก็คงไม่ทำรัฐประหารลูกพี่ของตนเอง ยกเว้นแต่จะมีใบสั่งลึกลับมา
จะเกิดปฏิวัติยึดอำนาจตัวเองแบบจอมพลถนอมในปี2514ไหม? ผมยังเผื่อทางสำหรับความเป็นไปได้ คือเกิดผลเลือกตั้งออกมาแล้ว มีพวกไม่เคารพผลเลือกตั้ง ก่อการจลาจลขึ้น พลเอกประยุทธ์ก็ประกาศม.44ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะก็ย่อมจะได้ครับ แล้วก็ค่อยไปเผชิญวิบากกรรมข้างหน้าเอา
จะเกิดเหตุแบบพลเอกสนธิไหม คือทหารแก่ไม่เคยตาย แต่ค่อยๆหายเลือนไปหรือเปล่า? ผมคิดว่าพลเอกประยุทธ์คงไม่ให้นอมินีตั้งพรรคพลังประชารัฐมาเพื่อแพ้เลือกตั้งหูรูด ได้ส.ส.มาคนเดียว แล้วหน้ามึนให้สว.250เสียงลงคะแนนให้ตนเป็นนายกฯหรอกครับ ถ้าแพ้หนักขนาดนั้นผมว่า คงจะยอมถอยนะ
แล้วจะเกิดแบบพรรคสามัคคีธรรมในปี2535ไหม? รูปแบบหน้าตาคล้ายกันครับ แต่ผลลัพธ์ต่างกัน เพราะในคราวพลเอกสุจินดา เจ้าตัวไปประกาศว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พอกลับคำมารับ เลยโดนหนัก แต่ในกรณีพลเอกประยุทธ์นี่ก็เหลือแต่ยังไม่พูดว่า"ผมอยากเป็นต่อใจจะขาดแล้วครับ"เท่านั้นเอง จะมาหาเรื่องเดินขบวนไล่ว่าเสียสัตย์ก็ย่อมไม่ได้
อีกอย่างตัวแปรสำคัญที่คราวนี้ต่างไปจากคราวเลือกตั้งสกปรกปี2500 เหตุการณ์14ตุลาคม2516 และพฤษภา2535ก็คือ ในกาลครั้งก่อนนั้น ประชาชนมีความเป็นเอกภาพ และมีฉันทามติไปในทางเดียวกันคือปฏิเสธอำนาจของผู้เผด็จการ ผู้นำทางทหารที่ครองอำนาจในเวลานั้น ต่างไปจากเวลานี้ที่ประชาชนไม่ได้consensusกันแบบนั้น แต่แบ่งเป็น2ขั้วฝ่าย
คือมีประชาชนขั้วฝ่ายที่เอา กับฝ่ายที่ไม่เอาคณะรัฐประหาร
ฝ่ายที่สนับสนุน กับฝ่ายต่อต้านทักษิณ
ผมจึงไม่คิดว่าจะจบที่วนลูปเดิม คือผู้นำทางทหารจะหมดอำนาจลงเมื่อมีการเลือกตั้ง(จะเพราะยอมถอยไปเองเพราะแพ้ หรือเกิดเลือกตั้งสกปรกเลยโดนไล่ หรือทำอะไรน่าเกลียดมากจนคนต้องเดินขบวนไล่)
แต่หากไม่น่าเกลียดเกินงาม ก็คงไม่มีม็อบใหญ่แบบพฤษภาทมิฬ 2535 นั่นก็เพราะว่า มีสัญญาณชัดเจนมาแล้วว่า...
นั่นก็คือว่าทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันมีฉันทามติร่วมกันประการหนึ่งว่าจะไม่ก่อม็อบ ก่อการประท้วงที่อาจบานปลายเป็นเหตุจลาจลทางการเมืองได้ หรือหากมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับการเลือกตั้งสกปรก และทำท่าจะลุกลามมีม็อบมีการจลาจล ก็อาจมีการแทรกแซงจากชนชั้นนำ เช่นการจัดให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อจัดเลือกตั้งใหม่ให้เรียบร้อย หรือเพื่อถ่ายโอนอำนาจไปยังรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่ยอมรับกันได้ เป็นต้น
อีกประการคือในปีพ.ศ.2562 นั้นจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในระหว่างวันที่ 4 -6 พฤษภาคม 2562 อันเป็นพระราชพิธีสำคัญยิ่ง พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่ล้วนมีความจงรักภักดีต่างก็พร้อมใจกันถวายพระพรชัย บรรยากาศเหตุการณ์บ้านเมืองย่อมจะเป็นไปด้วยความปิติสุข ปราศจากเรื่องไม่เป็นมงคลทั้งปวง
แบบจำลองของElection Rally หากการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
ก็จะมีรอบวัฏจักรของตลาดดังนี้
*ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นั้น คาดว่าข่าวการเลือกตั้งจะมีผลต่อตลาดอย่างจำกัด เนื่องจากความไม่ชัดเจนว่าใครจะแพ้ ชนะ อาจมีผลต่อหุ้นบางกลุ่มที่อาจมีการเก็งกำไรรับข่าวเลือกตั้งบ้าง เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มได้ประโยชน์จากEEC และการบริโภคในประเทศ
*มีนาคม2562 ช่วงสุกดิบก่อนการเลือกตั้ง ราวเกือบเดือน หรือ1ถึง2สัปดาห์ หากคลุมเครือไม่ชัดเจนว่าฝ่ายใดจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง(ระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับฝ่ายที่ต่อต้าน) ตลาดหุ้นจะซึมรอความชัดเจน
แต่หากแปรเปลี่ยนไปเป็นความขัดแย้งรุนแรง เช่น การบอยคอตต์การเลือกตั้ง การเดินขบวนชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้ง หรือบานปลายไปเป็นจลาจล ก็จะทำให้ตลาดหุ้นตก (อย่างไรก็ตามผมประเมินไว้ดังข้างต้นว่า ไม่น่าจะนำไปสู่การจลาจล หรือบอยคอตต์การเลือกตั้ง หากไม่เกิดเหตุการณ์ประเภทที่ว่าโกงการเลือกตั้งกันจนน่าเกลียด มีหลักฐานที่ชุดชนวนให้คนออกมาประท้วง ก่อการจลาจลได้ เนื่องจากการเลือกตั้งหนนี้เป็นฉันทามติร่วมกันของทุกฝ่าย และอยู่ในช่วงใกล้จะมีพระราชพิธีสำคัญของประเทศ)
*หลัง24มีนาคม ถึงต้นเดือนพฤษภาคม 2562 ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นในช่วงHoneymoon Period ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร? ซึ่งผลของการเลือกตั้งจะเป็นไปใน3ทางนี้คือ
ทางที่1 พรรคการเมืองที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ มีเสียงมากพอเมื่อรวมกับสว.250เสียง ทำให้พลเอกประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป สูตรนี้ตลาดหุ้นน่าจะชอบที่สุด การเมืองจะมีเสถียรภาพ (ยกเว้นว่าโกงการเลือกตั้งจนน่าเกลียดมากๆ คนเลยประท้วง เกิดจลาจลวุ่นวายบานปลาย)
ทางที่ 2 พรรคการเมืองที่ต่อต้านพลเอกประยุทธ์ มีเสียงมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ เช่น พรรคเครือข่ายที่สนับสนุนดร.ทักษิณ ชินวัตร จับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคอื่นๆจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เป็นสูตรที่ตลาดหุ้นชอบรองลงมา (ถ้าหากไม่เกิดการประท้วงและก่อการจลาจล จนนำไปสู่การทำรัฐประหารอีกรอบใหม่)
ทางที่3 การเลือกตั้งนำไปสู่ความขัดแย้งวุ่นวาย เกิดการเดินขบวนประท้วง การก่อการจลาจล การปราบปรามจลาจล และนำไปสู่การรัฐประหารครั้งใหม่ เป็นสูตรที่จะสร้างผลเสียหายต่อตลาดหุ้นมากที่สุด (ซึ่งในชั้นนี้ผมประเมินว่าไม่น่าจะมี ดังเหตุผลที่ได้นำเสนอไปแล้ว)
บทสรุป-ได้ลุ้นเปลี่ยนวิกฤตการเมืองไปเป็นข่าวดี ลุ้นวิ่งยาว2ปีซ้ำรอยเลือกตั้ง3ครั้งก่อน
แล้วหลังเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 และหลังจากเดือนพฤษภาคม 2562 ไปแล้ว ตลาดหุ้นจะเกิด Long Election Rally ยาวไปราว 2 ปี เหมือนกับตอนเลือกตั้งปีพ.ศ.2535/2 ปีพ.ศ.2544 และ 2554 หรือไม่ ก็ให้พิจารณาว่าเข้ากับองค์ประกอบที่เป็นโมเดลนี้ไหม นั่นก็คือ
ประการแรก-การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นฉันทามติร่วมกันว่าจะเป็นทางออกของประเทศ จากวิกฤตการเมือง หรือวิกฤตเศรษฐกิจ (ซึ่งในการเลือกตั้งปี2562นี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ก็มีองค์ประกอบข้อนี้)
ประการที่สอง-การจัดเลือกตั้งเป็นไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อย เป็นที่ยอมรับของผลการเลือกตั้ง(ซึ่งการเลือกตั้งปี2562ก็ต้องจับตาดูว่าจะเป็นไปในลักษณะนี้ หรือเกิดความวุ่นวายบานปลาย)
ประการที่สาม-การจัดตั้งรัฐบาลได้นายกรัฐมนตรีที่ยอมรับกันได้ หรือไม่น่าเกลียดกันมาก รัฐบาลมีเสถียรภาพ และนำประเทศให้มีเสถียรภาพ
ประการที่สี่-มีนโยบายต้อนรับทุนต่างประเทศ หรือเป็นสถานที่ที่ทุนต่างประเทศเลือกเข้ามาลงทุน
หากการเลือกตั้งในปีพ.ศ.2562 มีองค์ประกอบครบ4ข้อนี้ หรือหลายข้อใน4ข้อนี้ ก็ให้สันนิษฐานว่าตลาดหุ้นไทยจะมีวิ่งแรลลี่ขึ้นภายหลังการเลือกตั้งใหญ่ปี2562 และหากสถิติซ้ำรอย ตลาดหุ้นไทยจะวิ่งแรลลี่ยาวไป 2 ปี คือในปี2562 ไปจบในปี2563 ส่วนจะขึ้นไป65% หรือ300-400%แบบในอดีต 3 ครั้งที่ผ่านมา ขึ้นกับว่าองค์ประกอบทั้งสี่นั้นมีน้ำหนักไปทางบวกมากเพียงใดนะครับ แต่นี่คือโอกาสที่เราจะรวยในรอบนี้
.............................(ฟิลเลอร์ประกอบบทความ).............
อะไรคือ Long Electoin Rally ปรากฏการณ์วิ่งยาวหลังจบเลือกตั้ง แล้วครั้งนี้หละ จะวิ่งแบบนี้ไหม?
มีอยู่ 3 หนที่ว่าภายหลังการเลือกตั้งแล้ว ตลาดหุ้นไทยขึ้นยาวนานถึง 2 ปี นั่นก็คือ
*ครั้งแรก-การเลือกตั้งหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปีพ.ศ.2535 -เป็นการเลือกตั้งใหญ่ หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬพ.ศ.2535 เกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์จลาจลทางการเมือง และการสิ้นอำนาจของกองทัพและคณะรัฐประหารรสช.นำโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร
หลังการเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์มีชัยชนะ นายชวน หลีกภัย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลมีเสถียรภาพพอสมควรนโยบายเศรษฐกิจเปิดเสรีและต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้า(Fund in flow)
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวิ่งขึ้นไปจบในต้นปี2537 หรือขึ้นไปยาว2ปี โดยดัชนีSETขึ้นจาก600ไปพีคที่1789จุด หรือขึ้นไปมากเกือบ 3 เท่าตัว
*ครั้งที่ 2 การเลือกตั้งปีพ.ศ.2544 -เกิดขึ้นภายหลังเศรษฐกิจฟองสบู่แตกปีพ.ศ.2540 และภายหลังจากมีการปฏิรูปการเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เรียกกันว่า ฉบับประชาชน ส่งเสริมให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง สามารถนำนโยบายมาปฏิบัติได้ พรรคใหญ่จัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้
พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งครั้งนั้น คุณทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีเสถียรภาพมาก นโยบายเศรษฐกิจเปิดเสรี แปรรูปรัฐวิสาหกิจใหญ่กำไรดีอย่าง ปตท.เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้า(Fund in flow) ดัชนีหุ้นไทยฟื้นจากเขต 250 จุดขึ้นไปสูงสุดในปี2544 ขึ้นไปราว 2 ปี ไปจบในตอนต้นปี2547 ที่800จุด หรือเป็นการวิ่งขึ้นหลังเลือกตั้งเกือบ 4 เท่าตัว
*ครั้งที่ 3 การเลือกตั้งปีพ.ศ.2554-เกิดขึ้นภายหลังจากความแตกแยกทางการเมือง ของ 2 ขั้วการเมืองที่นิยมคุณทักษิณ กับฝ่ายต่อต้าน และการจลาจลทางการเมืองของกลุ่มมวลชนที่ต่อต้าน และสนับสนุนอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในช่วง1-2ปีก่อนหน้านั้น(มีม็อบพันธมิตรที่ลงเอิยด้วยการปิดสนามบินปี2551 ม็อบเสื้อแดงที่นำไปสู่การล้มประชุมASEMพัทยาปี2552 และม็อบเสื้อแดงที่นำไปสู่การจลาจลเผาห้างสรรพสินค้า และการปราบปรามผู้ประท้วงในปี2553)ผลการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยที่สนับสนุนคุณทักษิณชนะเลือกตั้ง ได้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคุณทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี การเมืองมีเสถียรภาพพอสมควรในระยะต้นเกือบ 2 ปีแรกของรัฐบาล
รัฐบาลมีนโยบายว่าแก้ไขไม่แก้แค้น เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ ทุนต่างประเทศไหลเข้า(Fund in flow) เหตุมาจากวิกฤตเศรษฐกิจHamburgerของสหรัฐอเมริกา ทำให้ทุนไหลออกจากอเมริกามาภูมิภาคอาเซียน
ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากเขต 1,000จุด ขึ้นไปสูงสุด 1,650 จุด ในปี 2556 หรือขึ้นยาวกว่า 2 ปี มากกว่า 65% ก่อนจะหยุดการปรับตัวขึ้น เมื่อฝ่ายรัฐบาลผิดพลาดทำในสิ่งที่เรียกกันว่า”นิรโทษกรรมสุดซอย” ทำให้มีการก่อการประท้วงใหญ่ของฝ่ายค้าน นำโดยกปปส. และมาจบลงด้วยการก่อรัฐประหารยึดอำนาจในเดือนพฤษภาคม 2557 ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากเขต 1,000จุด ขึ้นไปสูงสุด 1,650 จุด ในปี 2556 หรือขึ้นยาวกว่า 2 ปี มากกว่า 65% ก่อนจะหยุดการปรับตัวขึ้น เมื่อฝ่ายรัฐบาลผิดพลาดทำในสิ่งที่เรียกกันว่า”นิรโทษกรรมสุดซอย” ทำให้มีการก่อการประท้วงใหญ่ของฝ่ายค้าน นำโดยกปปส. และมาจบลงด้วยการก่อรัฐประหารยึดอำนาจในเดือนพฤษภาคม 2557
...........
ที่มา:บทความนี้คัดมาจากส่วนหนึ่งจากหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทย2562 โอกาสทองต้องรวย โดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์
สมัครเมมเบอร์ตอนนี้ รับฟรีทันที
1.งานอบรมกราฟเทคนิคหุ้นแม่นขั้นเทพ หลักสูตรหัวกะทิ รอบสอง วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ โดย ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์
2.”คู่มือตลาดหุ้นไทยปี 2562 โอกาสทองต้องรวย" เขียนโดยณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ฟันธงชัดๆว่า ต้องจัดพอร์ตการลงทุนรับโอกาสทองครั้งสำคัญในรอบ10ปีนี้อย่างไร พร้อม5+2หุ้นเด่นเล่นให้รวย
สั่งจอง หรือสอบถามเพิ่มเติม สั่งซื้อหนังสือคู่มือตลาดหุ้นไทยปี2562 โอกาสทองต้องรวย หรือสมัครเมมเบอร์ รับหนังสือฟรี ที่
Line@ : @TONTANCORP
คลิ้ก
https://line.me/R/ti/p/%40tontancorp
ฉบับรูปเล่มเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง เหลือไม่เกิน10เล่มเท่านั้น
PTG ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2025 เป็นปีที่สองติดต่อกัน ...
SKIN ผนึก APM ลุยโรดโชว์ห้องค้า PST มั่นใจพื้นฐานแกร่ง นักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม
แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ อารมณ์คอการเมือง ร้อนทันที เป็นคลิปเสียง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนทนากับ สมเด็จฯ ฮุน..
รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68