Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ : เปิดตัว "ชัชชญา ไตรตระกูลชัย" แม่ทัพใหม่ OCEAN

7,807

สัมภาษณ์พิเศษ : เปิดตัว " ชัชชญา ไตรตระกูลชัย " แม่ทัพใหม่ OCEAN


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (29 มกราคม 2562) " ชัชชญา ไตรตระกูลชัย " ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1ใน OCEAN (ถือ 42.05%) นอกจากจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 แล้วยังพ่วงด้วยตำแหน่งผู้บริหาร คือรองประธานกรรมการบริษัท และกรรมการผู้จัดการ แม่ทัพคนใหม่ของ OCEAN คือใคร? เธอมาจากไหน? วันนี้ทีมข่าวหุ้นอินไซด์ มีคำตอบ........อยากรู้โปรดติดตามอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษนี้ให้จบ

 


Q : อยากให้คุณชัชชญา แนะนำตัวให้นักลงทุนรู้จักหน่อยค่ะ


A: สวัสดีค่ะชื่อชัชชญา ไตรตระกูลชัย ชื่อเล่นชื่อกิ๊ฟค่ะ กิ๊ฟเรียนจบปริญญาตรี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล ขอท้าวความว่ากิ๊ฟ เป็นคนก่อตั้งบริษัท พารากอนอกรีเทค จำกัด ตั้งอยู่ที่จังหวัดตรัง เมื่อปี2556 เพื่อดำเนินธุรกิจซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบชนิด B (Crude Palm Oil type B หรือ CPOB)

 

สำหรับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นหลัก และต่อมาได้ขยายสู่ธุรกิจซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบชนิด A (Crude Palm Oil type A หรือ CPOA) ซึ่ง CPOA เป็นส่วนประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมผลิตไบโอดีเซลและอุตสาหกรรมน้ำมันเพื่อการบริโภคและในปี 2557 ได้ก่อตั้งบริษัท ละแมน้ำมันปาล์ม จำกัด ที่จังหวัดตรัง เพื่อดำเนินธุรกิจซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบชนิด A และ B (CPOA และ CPOB) ต่อมาในปี 2560ได้เริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีก โดยจัดตั้งบริษัท ทริปเปิ้ลพีโกลบอลอินเตอร์เทรด จำกัด โดยได้ว่าจ้างบุคคลภายนอกในการจัดหาวัตุดดิบและผลิตน้ำมันพืชเพื่อการบริโภค ภายใต้แบรนด์ของตนเองชื่อ “เสวย” ค่ะ

 

 

Q : การเข้ามาซื้อหุ้น PP และก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหาร OCEAN จะทำให้ OCEAN มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร


A : นโยบายในปี 2562 เราจะเน้นเรื่องของการเทรดเดอร์น้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ ในส่วนของธุรกิจเก่าที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายก๊อกน้ำ เราก็จะตัดในส่วนที่เป็นการผลิตออกไปเพราะมันขาดทุน โดยเราจะหาผู้เข้าร่วมประมูล 3-4 ราย แล้วเอากำไรและรายได้เข้ามาในบริษัทฯ ในส่วนของที่เป็นก๊อกน้ำเราก็จะเปลี่ยนมาทำเทรดเดอร์เช่นกัน

 

 

Q : คือจะเปลี่ยนจากผลิตก๊อกน้ำมาทำเทรดเเดอร์แทน และขายให้คนอื่น?


A : ใช่ค่ะ เราได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำโดยการหยุดประกอบธุรกิจผลิตในส่วนของผลิตภัณฑ์กลุ่มชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำ โดยบริษัทฯจะมีการขายธุรกิจผลิตก็อกน้ำออกไปด้วยวิธีการเปิดประมูลขายธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมูล 3-4 ราย ส่วนข้อสรุปคาดว่าจะชัดเจนไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์นี้ค่ะ

 

 

Q : เงินที่ได้จากการประมูลรอบนี้จะประมาณเท่าไร?


A : ประมาณ 100 ล้านบาทค่ะ และเราจะนำมาเป็นทุนในการทำเทรดเดอร์น้ำมันปาล์มและเทรดเดอร์ก๊อกน้ำต่อไปด้วย

 

 

Q : ธุรกิจเทรดเดอร์ก๊อกน้ำ คิดว่าจะได้เห็นตัวธุรกิจ ภายในปีนี้หรือไม่ ?


A : น่าจะประมาณกลางๆปี ตอนนี้ก็กำลังยุ่งกับการ เปิดเวนเดอร์น้ำมันปาล์มที่เราย้ายเข้ามาจากบริษัทเก่าที่อยู่นอกตลาด ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนชื่อเวนเดอร์ต่างๆเป็นชื่อของ โอเชี่ยน ก็คือเป็นฐานลูกค้าเก่าทั้งหมดที่จะเปิดให้ครบ การเปิดเวนเดอร์ให้ครบก็หมายความว่า เปลี่ยนจากบริษัทเก่า ที่เป็นของดิฉันที่อยู่นอกตลาด ให้เป็นบริษัท โอเชี่ยน

 

 

Q : คิดว่าตัวชื่อ OCEAN จะเปลี่ยนด้วยไหมคะ ?


A : ไม่เปลี่ยนค่ะเพราะเราตั้งใจมาทำธุรกิจอยู่แล้ว ชื่อไหนมันก็เหมือนกัน แต่ถ้าเราตั้งใจมาทำอย่างอื่นมันก็ต้องเปลี่ยนชื่อถูกไหม แต่เราไม่เปลี่ยนเพราะเรามาทำธุรกิจ เราอยากให้ดูในเรื่องของงบเป็นหลักจะดีกว่า

 

 

Q : ที่ผ่านมา ที่เราทำพวกเทรดดิ้งน้ำมันปาล์ม ในส่วนของรายได้แต่ละปี ของเก่าอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่


A : ประมาณเกือบๆ 5,000 ล้านบาทค่ะ

 

 

Q : อนาคตต่อไปถ้าเกิดว่าทุกย่าง เสร็จสมบูรณ์แล้ว 5,000 ล้านบาท ก็จะมาอยู่ในตัวของ OCEAN ใช่ไหม?


A : จริงๆเราอยากเข้า "มหาชน" เพื่อเข้ามาระดมทุน เพราะการทำเทรดเดอร์เรื่องเงินคือสิ่งสำคัญ พูดง่ายๆเลยคือเราใช้เงินในการทำงาน บวกกับคอนเนคชั่นที่เรามี รวมถึงประสบการณ์ เรามองว่าถ้าเป็น" มหาชน "ก็น่าจะระดมทุนได้มากขึ้น

 

 

Q : ของเก่าแต่ละปี กำไรประมาณเท่าไหร่ ?


A : เรายังไม่ขอพูด เพราะต้องการทำให้มันถูกต้อง

 

 

Q : ในปีนี้ หากตัวธุรกิจพวกเทรดดิ้งน้ำมันปาล์ม หรือเทรดดิ้งก๊อกน้ำอยู่ใน OCEAN แล้ว รายได้ของโอเชี่ยนจะประมาณเท่าไหร่คะ?


A : รายได้ไม่ควรจะต่ำกว่าของเก่าเลยค่ะ คือไม่ควรจะต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท

 

 

Q :ในส่วนของการบริหารจัดการต้นทุน มีวิธีการอย่างไรบ้าง?


A : เราใช้ประมาณ 5 แบงก์ได้ค่ะ ซึ่งเป็นแบงก์ไทยทั้งหมดเลย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเคลื่อนย้ายวงเงินของบริษัทเก่ามาอยู่ที่ วงเงินใหม่ด้วย ก็คือย้ายมาในโอเชี่ยนส่วนหนึ่ง แล้วก็เอา เพอฟอร์แมนซ์ ของโอเชี่ยนที่เป็นมหาชนเพื่อขอกู้เพิ่ม

 

 

Q : กระบวกการทั้งหมด น่าจะเสร็จภายในช่วงไหน ?


A : กลางเดือนกันยายน น่าจะเสร็จแล้วค่ะ งบการเงินไตรมาส2/2562-ไตรมาส3/2562 ก็น่าจะเป็นของจริงหมดแล้ว ที่รับรู้ได้แบบเต็มส่วน ส่วนไตรมาส 1/2562 อาจจะรู้รายได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

 

 

Q : ล่าสุดเห็นมีการเซ็น MOU กับลูกของ "บางจาก" ตรงนี้เราคิดว่ามันจะส่งผลดียังไงต่อ OCEAN


A : ก็มองว่าเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ของเราค่ะ ที่จะไปจับมือทำในสิ่งที่สามารถทำกำไรให้กับบริษัทฯ เพราะว่าจริงๆแล้วตอนนี้เราเน้นที่จะซัพพลายไบโอ ดีเซลล เป็นหลักอยู่แล้ว ทุกๆโรงงาน ในประเทศไทยเราก็ซัพพลายให้เขา ซัพพลายเป็นน้ำมันดิบ ขูดปาล์มออยล์ หรือเรียกว่า COA (Certificate of Analysis) 

และถ้าได้ร่วมมือกับพันธมิตร กับบริษัทชั้นนำด้านไบโอดีเซลของประเทศ เราก็อาจจะได้ในเรื่องของโควต้าการลงทุนร่วมกันในอนาคต ในเรื่องของไบโอดีเซล B7 – B10 รวมถึง B20 ตามข่าวค่ะ และถ้าหากน้ำมันไบโอดีเซลลด เราก็จะหันไปขายพวกน้ำมันสำหรับบริโภคแทน ซึ่งขณะนี้เรามีลูกค้าเป็น โอลีน ล่ำสูง CPI น้ำมันเกสร

 

 

Q : สำหรับการเทรดดิ้ง เรามีแหล่งวัตุดิบจากไหนบ้างคะ ?


A : ในประเทศค่ะ เพราะว่าน้ำมัน หากนำเข้าจะเป็นการทำผิดกฏหมาย ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมเพราะว่าต้องการช่วยเกษตรกรในประเทศ เช่น โรงสกัดทั่วไปในชุมชนสหกรณ์กระบี่ Univanich Palm ค่ะ ที่เรารู้จักกัน

 

 

Q : นอกจากตัวเทรดดิ้งน้ำมันปาล์ม เทรดดิ้งก๊อกน้ำ แล้ว เราจะมีธุรกิจตัวที่3 ที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับโอเชี่ยนตต่อไป ตอนนี้การเจรจาเป็นอย่างไรบ้าง?


A : ก็ 80% แล้วนะค่ะตอนนี้ จริงๆแล้วทางนั้นเค้าเปิดใจรับเราหมดแล้ว แต่ทางเรากำลังอยู่ในขั้นตอนที่ทำให้โอเชี่ยนได้ผลประโยชน์สูงสุดในการตกลงขอเจรจาเรื่อง P/E ก็อย่างที่เล่ามาว่าเค้าเปิดมาแล้วกว่า 20 ปีและมีกำไรค่อนข้างหนึ่งที่ปีละ 300 ล้านบาท และเอาตรงๆคือเขาอยากได้ P/E แบบบริษัทฯมหาชน

ซึ่งบริษัทเขาอยู่นอกตลาด แต่เขาก็บอกผลประกอบการของเขาดีกว่าบริษัทที่อยู่ในตลาด เราก็เลยอยู่ระหว่างเจรจากัน และคิดว่าเดือนนี้น่าจะจบได้ ทางนั้นก็พร้อม ส่วนทางเราก็ไม่ได้ติดอะไร

 

 

Q : ปัจจุบันกระะแสเงินสด ของ OCEAN มีเท่าไหร่


A : หลักๆก็มาจาก เงิน PP ดิฉัน ประมาณ 400 ล้านบาท แล้วก็จะได้เงินจากการขายกิจการอีกประมาณ 100 กว่าล้านบาท รวมๆก็ประมาณ 550 ล้านบาทค่ะ

 

 

Q : ก็คือจะใช้เงินในส่วนนี้เข้าไปซื้อธุรกิจ


A : ใช่ค่ะ แล้วก็ตอนนี้ถ้าเกิดสมมุติว่า เรากำลังขอเรื่องเงินกู้จากแบงก์อยู่ ถ้าสำเร็จดิฉันก็จะสามารถเริ่มอินเตอร์เทรดให้เลย ก็คือเป็นการเทรดดิ้งน้ำมันปาล์ม คือจะไม่ได้ใช้น้ำมันปาล์มเมืองไทยแล้วแต่จะเทรดจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไปที่อื่นๆเลย

 

 

Q : ก็คือจะไม่ทำในประเทศแล้ว


A : ในประเทศก็ยังทำ แต่วันนี้เรายังติดเรื่องกระแสเงินสดอยู่ ก็เลยรอแบงก์ก่อน ก็คือไม่เน้นหุ้นกู้ เพราะว่าเรตติ้งของเรายังไม่ดีนัก และก็ไม่อยากไปผูกมัดให้มันมีปัญหา คือเราอยากให้แบงก์ออกเป็น L/C คือขอเป็นอะไรง่ายๆแบบนั้นดีกว่า แล้วถ้ามีตรงนี้ ดิฉันก็จะเอาไปทำเป็นอินเตอร์เทรดให้

 

 

Q : มองต่างประเทศด้วยมั้ย


A : เราคิด่าน่าจะเป็นธุรกิจที่ดีเหมือนกัน เพราะว่าอย่างน้อยถ้าหากธุรกิจเราเป็นแบบนี้ เราก็ควรเน้นเพอฟอร์แมนซ์ ให้นักลงทุนเห็นมากกว่าจะจ่ายในเรื่องของปันผลที่สูง

 

 

Q : วกกลับมาในส่วนที่ว่าเรากำลังเจรจาในการซื้อธุรกิจ บอกได้ไหมคะว่าเป็นธุรกิจอะไร


A : เป็นธุรกิจปิโตรเคมีค่ะ ซึ่งมันเป็นธุรกิจเดียวกับน้ำมันปาล์ม คือดิฉันจะทำอะไรที่มันอยู่ในไลน์ ทำในธุรกิจที่เราถนัด เพราะว่าธุรกิจปิโตรเคมีอย่างที่เล่าให้ฟังก็เป็นเทรดเดอร์อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เพราะฉะนั้นระบบบัญชี ภาษีทุกอย่าง ถูกต้องหมด ระบบภายในของเขาค่อนข้างพร้อม เขาถึงบอกว่าขอ P/E บริษัทแบบในตลาดฯ และเราก็มีข้อกำหนดว่าคนของเค้าจะต้องเข้ามาบริหารงานด้วย

 

 

Q : ดีลมานานหรือยัง ?


A : เริ่มดิลมาซักพักหนึ่งแล้ว ประมาณ 2-3 เดือน ดูแล้วค่อนข้างเร็ว เพราะว่าเรารู้จักคนเยอะ คอนเนคชั่นเราเยอะ เนื่องจากเราทำเทรดเดอร์ และเราก็มีเงิน เรามีทีมงานด้วย

 

 

Q : ต้นทุนทางการเงินสมัยที่เรายังไม่มาโอเชี่ยน อยู่ประมาณเท่าไหร่


A : ดอกเบี้ยแบงก์หรอค่ะ ประมาณ 4%

 

 

Q : แต่พอมาเป็นโอเชี่ยน OCEAN ที่อยู่ในตลาดหุ้นลดลงเยอะไหม


A : ดิฉันขอพูดแบบนี้ดีกว่านะค่ะว่าโอเชี่ยนเราประสบปัญหา เพราะว่า ธุรกิจเดิมเราเป็นผลิตก๊อกน้ำซึ่งหากเราได้ ตั๋วสัญญาใช้เงิน( P/N) มันผิดประเภท และใช้ผิดประเภท เพราะฉะนั้นมันต้องทำเรื่องในการย้ายกิจการ เราก็ต้องมีกิจการที่เป็นน้ำมันเข้ามาก่อน และของที่เราเคยได้ข้างนอกเราก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนย้ายเข้ามาในโอเชี่ยน เพราะฉะนั้นหากเราย้ายเข้ามาในโอเชี่ยนต้นทุนทางการเงินเราก็จะเท่าเดิม แต่พอเรามีกำไรมีเพอร์ฟอแมนซ์ เปิดเวนเดอร์ครบก็จะดีขึ้น ดิฉันถึงบอกว่าเราต้องไปทีละสเต็ป

แต่เชื่อว่าในระยะยาวเงินทุนเราจะได้มากขึ้น เพราะว่าธุรกิจเทรดเดอร์ตลาดส่วนเปิดรับอยู่แล้ว มันเหมือนกับการ ที่เราจับปลาในทะเล ปลามันมีเป็นล้านตัว เพราะฉะนั้นถ้าเรามีเงิน มีแห มีเรือประมงที่เยอะ มันก็จับปลาได้เยอะ ดิฉันไม่ได้เน้นมองคู่แข่งเป็นหลัก แต่มองตัวเองเป็นหลัก เพราะว่าถ้าเราพร้อมใครก็ไม่ใช่ปัญหา เราก็มองว่าตัวเองพร้อมรื่องเงินไหมในวันนี้ เราพร้อมเรื่องคอนเนคชั่นต้นทางปลายทางหรือเปล่า

 

 

By : ประทุมพร ม่วงเอก / สุกัญญา ศิริรวง

ประทุมพร ม่วงเอก

:รายงาน / อณุภา ศิริรวง:เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

จบในวัน By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เมื่อข่าวบวก ข่าวดีมา เล่นหุ้น ก็ต้อง เผด็จศึก จบในวัน ทำกำไร ไม่ต้องรอ ฟ้าสาง เพราะฟ้า...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้