
***แรงจูงใจที่ทำให้คุณสุทธิพจน์ เข้ามาลงทุนในหุ้น MAX
พอดีผมได้มีโอกาสเจอกับพี่ชำนิ (นายชำนิ จันทร์ฉาย รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) MAX) ที่ชวนมาลงทุน ตอนนั้นพี่ชำนิบอกว่าจะชวนมาลงทุน MAX แบบว่าให้มาลงทุนที่เดียวเยอะๆ กล้าลงมั้ย ผมก็คิดอยู่นิดหนึ่ง แต่ก็มองว่าราคาให้ และกิจการยังไม่มีอะไร แต่ผมก็ลงทุนมาถึงจุดที่แบบใจเราบ้า แล้ว เพราะเคยผ่านตลาดมาเทรดทองคำคืนหนึ่งขึ้นลง 10 ล้านแบบหน้าตาเฉย เรียกว่าผ่านจุดนั้นไปแล้วทำให้ผมมองจากที่ลงทุนฟิวเจอร์สไม่มีอะไรรองรับแต่พอลงทุนในตลาดแล้วยังเทรดดิ้งอยู่ และราคาที่ให้ 0.50 บาท ถึงจะยังไม่มีอะไร แต่ถ้าได้เงินเข้ามาแล้ว ก็ยังคิดว่ามี Opportunity อีกเยอะ ที่จะทำกำไรกลับมาให้บริษัทฯ
ผมคิดว่าความเสียงสูงสุดก็คือขายในตลาดหรืออาจจะถือติดมือนานหน่อย แย่กว่านี้ก็เคยมาแล้วเพราะว่าผมลงนอกตลาดมาอยู่แล้ว เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสลง ซึ่งผมก็ลงหนัก แต่ก็ลงทุนอยู่บนความเสียงที่ว่าหุ้นเทรดอยู่แล้ว และจุดต่ำสุดคิดว่าพ้นไปแล้วเพราะว่าผมลงเงินสดเข้าไปเท่ากับว่าสิ่งที่แย่ที่สุดมันผ่านไปแล้วของบริษัทฯ แล้วหนี้ก็ไม่มี ฉะนั้นเวลาที่ใส่เงินสดเข้าไปสิ่งที่เราจะดูต่อไปเพราะว่ามีเงินก็เหมือนมีทางเลือกเยอะเเล้ว ก็เลยมองว่าถ้าราคาในตลาดตอนนั้น ตรงนี้เป็น Bottom เท่ากับว่าราคาที่เราใส่เงินเหมือนกับผ่าน Bottom ไปทันที ทำให้ราคาที่ได้มาน่าจะถือว่าซีเคียว บริษัทก็ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปเเล้ว พอบริษัทฯ ได้เงินผมก็คาดหวังว่าจะทำกำไรกลับมาให้บริษัทฯ ได้
*** กลัวมั้ยว่าใครจะมารันธุรกิจ
พี่ชำนิไม่ได้ชวนซี้ซั้ว แต่ว่าชวนคนที่มีศักยภาพเข้ามาแล้วก็มีคอนเน็คชั่นที่จะเข้ามาเสริม ให้บริษัทแข็งแรง แล้วผมก็คิดว่าจากจุดนี้ยิ่งจะเป็นจุดที่ยิ่งมั่นใจ หลังจากบริษัทมีเงินมีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามา หน้าตานักลงทุนที่เข้ามาก็เป็นคนทำงาน เพราะฉะนั้นถ้าจะมีอะไรขาดเหลือผมก็คืดว่ามีแต่จะทำให้บริษัทฯ มีแต่บวกกับบวก เป็นจุดที่ทำให้ผมลงทุนใน MAX 2,000 ล้านหุ้น
***การเข้ามาลงทุนใน MAX คุณสุทธิพจน์ จะเข้ามาแบบ Long Term หรือ Short Term
ถ้ามีโอกาสผมชอบ Long Term มากกว่า คือพอเราอยู่ในบริษัทไหนสิ่งที่เราทำได้ แล้วถ้าเราสามารถได้คุยกับผู้บริหารได้คุยกับเจ้าของ เขา Need อะไรแล้วเราเข้าไปช่วยเขาได้
อาจจะเป็นช่วยแนะนำ ช่วยดู บางครั้งการที่ผมถือหุ้นหลายตัว และได้รู้จักกับเจ้าของ ซึ่งเราถือหุ้นจำนวนมากเจ้าของก็มีการคุยกับเรา เหมือนกับเราเป็นพาร์ทเนอร์ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งถ้าผู้บริหารหรือเจ้าของทำได้ดีกว่าที่เราคิดส่วนใหญ่ผมจะลงทุนในระยะยาว เพราะถือว่าถูกทิศถูกทาง
ผมทำธุรกิจอยู่ ธุรกิจของผมทำจากคน 10 คน ไป 200 คน วันที่ทำ 10 คน ยังมีคนบอกว่าทำไม่ได้หรอกคุณคิดอย่างนี้ แต่พอทำไปถึงจุดหนึ่งก็มีหลายคนที่จากเดิมเคยเป็นผู้นำเราก็มาตามเรา ทำให้ผมมีความเชื่อมั่นว่าเวลาลงทุนงบการเงินของบริษัทนั้นช่วงแรกผมจะดูน้อยลง เพราะว่าบริษัททุกบริษัทฯ ที่เทิร์นอราวน์มาต้องเริ่มจากผู้บริหารที่ถูกต้องก่อน และบริษัทก็ต้องมีเงินพอที่จะต้องไปต่อยอด มีทีมเวิร์กที่ดี มีไอเดียดี ผมเชื่อว่างบการเงินก็จะตามมาเอง ตรงนี้ก็จะเป็นจุดที่จะเลือกลงทุน แล้วก็จะรอจนสิ่งที่ดีเกิดขึ้น
***นอกจาก MAX คุณสุทธิพจน์ มีการลงทุนในหุ้นตัวอื่นๆ ด้วยหรือไม่
ก็มีบริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) SST ตัวนี้ถือมานานแล้วครับน่าจะประมาณปีครึ่ง ผมก็ได้คุยกับผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นด้วย ตอนแรกผมไม่ค่อยเข้าใจธุรกิจเขา คิดว่าขายขนมปัง ทำคลังสินค้าจะดีเหรอ งบก็ขาดทุน จริงๆ ตัวนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมคิดว่าเราควรจะดูงบการเงินหลังสุด เพราะเราฟังแผนธุรกิจ ฟังไอเดีย ก็จะได้รู้ว่าเข้ามีไอเดียยังไง เจ้าของเขามีแนวคิดที่ก้าวหน้าอยู่ในหัว อีกอย่างเขามีประประสบการณ์ระดับหนึ่งทำได้จริง และไม่ซี้ซั้ว ทำให้ผมมองย้อนไปสมัยก่อน ที่ฟังแล้วชอบ แต่ดูงบการเงินแล้วไม่ซื้อ แต่ถ้ามองในมุมกลับกันเมื่อก่อนถ้ามีคนมาดูโรงงานเรามีคน 10 คน เป็นห้องแถวกิ๊กก๊อก
แต่เราก็มีวันนี้ ทำให้คิดว่าสงสัยว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ผมชอบลงทุนแบบนี้ คือเลือกสิ่งที่กำลังจะดีขึ้นมา ตรงนี้เลยเป็นจุดหนึ่งที่พอผมได้สัมผัสกับธุรกิจ แล้วมีคำถามถามเจ้าของ ทำให้ผมเข้าใจธุรกิจมากขึ้น และพร้อมที่จะฝากเงินไว้กับเขาได้ เพราะว่าเขาจะไม่ได้อยู่กับที่แน่ ๆ และจะเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น เพราะว่า Welth ของเขาก็อยู่ที่บริษัทฯ เราก็จะได้ติดรถไปกับเขาด้วย
***นอกจาก SST ยังมีตัวอื่นอีกหรือไม่
ก็มี บริษัท เอเซีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) AJP การลงทุนคอนเซ็ปก็คล้ายๆ กันคืองบการเงินเอาไว้ดูทีหลัง ดูตัวผู้บริหารก่อนดูแนวความคิด ทิศทางธุรกิจแล้วก็ทิศทางที่จะเป็นไป แล้วก็เลือกลงทุน อีกตัวหนึ่งที่ลงทุนก็คือ บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) EMC ตัวนี้มองว่าผู้บริหารเริ่มขยับปรับเปลี่ยนมีความคิดที่จะไปทำอสังหาริมทรัพย์
***ไม่กลัวเจ้าของเขาเหรอ เพราะว่าเจ้าของเขาเป็นเซียนหุ้นคนหนึ่งเหมือนกัน
ก็มีเสียวนิดหน่อย แต่ว่าคิดว่าถ้าเอากำไรทุกเม็ดเข้าบริษัท Welth ของเจ้าของก็เพิ่มขึ้น ผมจะเลือกจากตรงนี้เป็นหลัก
***คุณสุทธิพจน์ ได้มีการคุยกับผู้บริหาร EMC ก่อนหรือไม่ หรือว่าใช้วิธีอ่านเกมธุรกิจ
ผมใช้วิธีอ่านเกมธุรกิจมากกว่า แล้วก็มาดูความเป็นไปได้ของหลายๆ อย่าง มีอ่านจากกอสซิบบ้าง เดี่ยวนี้มีกอสซิบในไลน์เยอะ ซึ่งก็จะจริงบ้างเท็จบ้างแต่ก็จะเลือกดูเอา ก่อนหน้านี้ก็มีลงทุน บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) IFEC ก็ถือว่าดีตามนั้นจริง
*** คุณสุทธิพจน์ ไม่ชอบหุ้นแบงก์บ้าง
ผมคิดว่ามันดีเกินไป ผมชอบหุ้นที่พลิกแบบเทิร์นอราวน์ คือผมเคยลงทุนอะไรที่จี๊ดจ๊าดอย่างพวกฟิวเจอร์สอยู่แล้ว ซึ่งได้หลายเท่า ถ้าผมได้ 10% -20% อาจจะไม่ใช่แนวผมเท่าไหร่ ไม่ค่อยทันใจ เสียก็เสียไปเลย ถ้าดีก็คุ้ม
***การบริหาร ASSET ของคุณสุทธิพจน์ อย่างไรบ้าง นอกจากการลงทุนในหุ้น
ผมก็มีลงทุนในทอง ในพวกอสังหาริมทรัพย์ ก็มีครับ มีซื้อที่ดิน บางที่ก็ซื้อที่แบงก์ที่เป็น NPL ก็มี ก็เลือกดูว่าอันไหนที่จะดีดได้เยอะ แปลงล่าสุดที่ซื้อมาคิดว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า6 เท่า ภายใน2-3 ปี ที่ดินแปลงนี้อยู่บางบัวทองเป็นแนวรถไฟฟ้าตรงบางใหญ่ ที่ตรงนี้ผมซื้อหลังน้ำท่วมมิดหนึ่งเลยได้ราคาที่ช่วงนั้นดาวน์ลงมาพอดี พอตอนนี้ราคาแถวนั้นขึ้นมาได้ประมาณ 3-4 เท่าแล้ว แต่ผมคิดว่า 6 เท่าเป็นไปได้
***มีระยะเวลาหรือไม่ว่าจะต้อง 6 เท่าหรือ 10 เท่า ถึงจะขาย
ไม่ครับ ตรงนี้คงจะดูอีกทีว่าถึงจุดนี้แล้วน่าขายหรือเปล่า หรือว่าตอนนั้นผมมีตัวอื่นที่จะไปลงหรือเปล่า ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจกว่า ก็ถึงค่อยดู
***คุณสุทธิพจน์ มองภาพรวมตลาดหุ้นหลังจากที่ได้นายกรัฐมนตรีแล้ว และจะมีครม. ใหม่แล้ว จะมีทิศทางอย่างไร
ผมมองว่าถ้าการเมืองมีเสถียรภาพ เท่าที่ดูตอนนี้ผมว่าชัดเจนแล้วในความเป็นจริงไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลทหาร หรือว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยถ้ามองในแง่ของการลงทุนผมคิดว่าเป็นอะไรก็ได้ขอให้เราดีจริง เดี่ยวคนก็จะเข้ามาลงทุน อย่างพม่าเป็นรัฐบาลทหารตอนแรกอเมริกาไม่เอา แต่พอเขาเริ่มเปิดประเทศมีผลประโยชน์ที่ยอมรับได้ เขาก็มาเอง ผมคิดว่าเราต้องเป็นของดีจริง ถ้าเราเป็นของดีจริงไม่ต้องห่วงผมว่าทุกคนต้องมาลงทุนที่เมืองไทย
***คุณสุทธิพจน์ มอง SET Index สิ้นปีกี่จุด
ผมคิดว่าHigh เดิมได้เห็น น่าจะประมาณ 1600 จุด น่าจะได้เห็นหุ้นเราน่าจะซึมขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้มีปัจจัยที่ลบจากต่างประเทศเข้ามา
*** กลุ่มไหนที่น่าสนใจลงทุนในมุมมองของคุณสุทธิพจน์
ผมจะโฟกัสแต่หุ้นที่จะเทิร์นอราวน์ ทำให้ผมไม่ค่อยได้ดูราคาในระยะสั้น ดูที่ว่ามันจะกลับมาจริงหรือเปล่าจะเน้นตรงนี้เป็นหลัก ในพอร์ตผมไม่มีหุ้นแบงก์เลย ตัวใหญ่ที่ซื้อสุดท้าย แล้วก็ตัดใจทิ้งไปแล้วก็คือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP เพราะว่าคำนวน Valueation แล้วมันถูกมากไม่ซื้อไม่ได้ แต่ซื้อปีหนึ่งไม่ไปไหนเลยได้ปันผลมา 3 บาท หลังจากตัดใจทิ้งตัวนี้ผมก็ไม่เคยมอง Market Cap ที่ต่ำกว่า1 หมื่นล้านบาทอีกเลย
*** คุณสุทธิพจน์ ถือ MAX ตั้งเยอะไม่คิดจะไปเป็นกรรมการ ?
ผมคิดว่าถ้าไม่จำเป็นจะไม่เป็นเพราะว่าผมเป็นนักลงทุนคล่องตัวกว่า สามารถที่จะคุยได้แบบไม่ต้องเกรงใจ ถ้าผู้บริหารไม่ดีก็บ่นได้ แต่ถ้าเป็นผู้บริหารต้องรับผิดชอบเยอะ ผมไม่อยากเป็น
----จบ----
By : สุกัญญา ศิริรวง/ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์