สัมภาษณ์พิเศษ: "จรัมพร โชติกเสถียร"
น้ำหนักปีหน้า คือ QE
เปิดกลยุทธ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ปี 2557 "จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผู้จัดการตลาด คนที่ 11 โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งเริ่ม 1 มิ.ย. 53 - 31 พ.ค.57 ซึ่งในระหว่างการทำงานของ"จรัมพร โชติกเสถียร" เป็นช่วงที่การเมืองร้อนแรงมาตลอด โดยช่วงปี 2553 มีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติได้ทวีความรุนแรงขึ้น มีการเผาทำลายชั้นล่างของอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขณะที่ในปี 2556 สถานการณ์การเมืองในประเทศ กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมปิดล้อมสถานที่ราชการหลายแห่ง ส่วนภาพในปี 2557 ตลาดหลักทรัพย์จะรับมือกับปัจจัยในปท.รวมถึงแผนรอบAECอย่างไร ต้องติดตามอ่านบทสัมภาษณ์...................
*** ปีหน้าในฐานะผู้จัดการตลาดหุ้นไทย มีมุมมองต่อทิศทางการ เคลื่อนไหว ของ SET อย่างไรบ้าง ***
ตลาดหุ้นไทยยังมีการเติบโตได ้โดยมีมุมมองของตลาดหุ้นไทย ในปีหน้าแนวโน้มยังดี...เศรษฐกิจทั่วโลกจะมีการปรับตัวดีขึ้น ดังนั้นถ้าเรามองระยะยาวไปจนถึงปีหน้าเชื่อว่า ภาพรวม สดใสมากขึ้นแต่ปัญหามันอยู่ที่ระหว่างปัจจุบันถึงปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้นมา บ้าง ก็อาจจะทำให้ดัชนีฯ ผันผวนก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกันกับปีนี้ โดยประเด็นหลักที่ให้ความสำคัญและมีผลต่อดัชนีฯ คือ QE มาตรการผ่อนคลายในเชิงปริมาณทางการเงินย่อมาจากคำว่า Quantitative Easing ของสหรัฐ การยกเลิก QE อาจจะเห็นเม็ดเงินไหลกลับไปยังสหรัฐเพิ่มมากขึ้น
แต่หลังจากนั้น และถึงจุดหนึ่ง เมื่อทุกอย่าง หยุดนิ่งก็จะเห็นไว่าเศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะดีขึ้นในช่วงปลายปีซึ่งในปลายปีหน้าถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นดังนั้นในอาเซียนก็จะดีขึ้นด้วย โดยจะมีส่วนโดยตรง
ถึงจุดนั้นเชื่อว่าน่าจะดี แต่ในระหว่างทางอย่างที่บอกไว้ว่าอาจจะมีเงินบางส่วนไหลกลับสู่ตลาดสหรัฐ เพราะฉนั้นจะเห็นได้ว่า หุ้นอาจจะตกช่วงที่เงินไหลกลับต่าง ชาติก็จะเทขาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่จังหวะเข้ากลับมา ก็จะเห็นได้ว่า ดัชนีฯ จะฟื้นตัวตาม เม็ดเงินไหลเข้ามา และดันให้SET ฟื้นตัวขึ้นไป แต่ที่จะหนักกว่านั้น นั้นคือกกรณีที่ QE เกิดขึ้น แต่ระหว่างที่QE ยังไม่ได้เกิดขึ้น เช่น มีกระแสข่าวว่าจะยกเลิกในช่วงนั้น ต้องยอมรับว่าจังหวะช่วงนั้น หรือ ทิศทางของเม็ดเงิน ไหลกลับไป กลับมา และอาจจะเป็นคลื่นเล็ก ๆ ตลอด ทางจนกว่าจะเกิดการประกาศ QE ที่แท้จริง
ดังนั้น นักลงทุน ที่เจอภาวะการที่ผันผวนเหมือนในปีนี้ เพราะฉะนั้นในปีนี้ ใช้กลยุทธ์อะไรในปีหน้าก็จะใช้กลยุทธ์อย่างที่ทำในปีนี้ แต่เชื่อมั่นว่า คงจะต้องเริ่มเลือกหุ้นที่ดีดี ที่สามารถเติบโตในช่วงที่ภาวะของ SET ขึ้น สำหรับเป้าหมายในปีหน้า
ทั้งนี้ QE เป็นทั้ง success และความเสี่ยง
***หลายบจ.เริ่มมีการมปรับเป้าหมายในปีหน้าและปีนี้ลง ในฐานมองภาวะแบบนี้อย่างไรบ้าง***
ตรงจุดนี้....อยากให้ติดตามตามนักวิเคราะห์ เพราะจะมีหน้าที่วิเคาะห์ รวมถึงเฝ้าติดตาม บริษัทจดทะเบียน ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการปรับตัวอย่างไร
***แผนงานตลาดหลักทรัพย์ปีหน้า วางไว้อย่างใด***
ในปีหน้า จะการผลักดันการเรื่องการขยายฐานผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ก็มีบัญชีใหม่ไม่ต่ำกว่า 120,000 บัญชีเป็นต้น ปีหน้า จะมีการขยายฐานผู้ลงทุน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าประเทศที่ขนาดใกล้เคียงกับเรา เช่น ตรุกี จีดีพีใกล้เคียงกัน ประชาชนเท่ากัน ก็มีจำนวนผู้ลงทุนมากกว่าไทย เกือบเท่าตัว เพราะฉะนั้นจึงมีความเชื่อว่าสัดส่วนการขยายฐานนักลงทุนในประเทศ ยังสามารถเติบโตได้
ถ้ามีการขยายฐานดีมานด์ก็จะเพิ่มมากขึ้น และขณะเดียวกันฝั่งของความต้องการก็จะสมดุลกัน ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็มีหุ้นใหม่ที่จะเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนในครั้งแรก หรือ IPO เข้ามาระดมทุนเพิ่มมากขึ้น ก็จะทำให้ขนาดของตลาดโดยรวมของเราใหญ่ขึ้น
***เป้าหมายการเพิ่มบัญชีลูกค้าหรือนักลงทุนในปี2557***
เราวางไว้ จะมีผู้มาเปิดบัญชีใหม่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบัญชี
***ใน แง่ของสถาบันเพิ่มขึ้นเยอะไหม***
ในแง่ของนักลงทุนเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม ทั้งสถาบันเองก็เพิ่มขึ้น โดยพบว่า สถาบันต่างประเทศ ปีนี้วอลุ่มสูงกว่า 50% ส่วนสถาบันในประเทศสูงกว่า 50%
***ในปีหน้าตลท.มีนโยบายการลงทุนอย่างไรบ้าง***
จะเป็นการลงทุนต่อเนื่องจากโครงการเดิม ไอที มาสเตอร์เเพลน ซึ่งจะครอบคลุมได้ประมาณ 3-4 ปี ดังนั้นในปีหน้า พ.ค.57 ระบบการซื้อขาย ฟิวเจอร์ส (Futures) อนุพันธ์จะเสร็จสิ้นในปีหน้า รวมทั้งระบบชำระราคา ก็จะเสร็จในช่วง พ.ค.57 เช่นเดียวกัน ทำให้ตลาดหุ้นไทยรองรับการซื้อหุ้นที่ เป็น...(Multiple Currency) ในต่างประเทศ
****รองรับได้สูงสุดแค่ไหน***
ถ้าถามเรื่องวอลุ่มเทรด ก็ประมาณ 10 เท่าของปัจจุบัน แต่อันนี้ คือ ระบบที่เรามีอยู่เเล้ว
***ในแง่ของระบบใหม่จะรอบรับได้***
สามารถรองรับได้ราว 5-10เท่า ของปัจจุบัน เชื่อว่าไม่ต่ำกว่า 10 เท่า ในช่วงที่ทำระบบใหม่เชื่อว่าไม่มีปัญหา เหมือนช่วงที่ตลาดเกิดปัญหาด้านการเทรดอนุพันธ์
****ปีหน้า ความร่วมมือระหว่างตลาดหุ้นย่านอาเซียน***
จะมีออกมาอย่างแน่นอน Index ออกมาใหม่ คือ อินเด็กซ์ อาเซียน ที่ให้นักลงทุนสามารถ ลงทุนในอาเซียนได้ โดยอาจจะเป็น ETF ที่จะลงทุนในอาเซียนสตาร์ เป็นต้น โดยถือว่าเป็นโปรดักซใหม่ของอาเซียน รองรับการเติบโตในภูมิภาคเอเซียนไม่ได้รองรับการลงทุนประเทศใดประเทศหนึ่ง จะเป็นการลงทุนกระจายไปทั่วอาเซียน
***ยุทธ์ศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ไทยวางตำแหน่งอย่างใร ในช่วง AEC เปิด***
ก่อนอื่นเราจะเป็นตลาดผู้นำในภูมิภาค เช่นภูมิภาค เช่นภูมิภาคที่เรียกว่า GMS เนื่องจากประเทศเราอยู่ตรงกลาง ดังนั้นจะมีปัจจัยที่เอื้อหลายเรื่อง เราจะนำ GMS เชื่อมอาเซียน
อนึ่งโครงการ GMS เป็นความร่วมมือของ 6 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน (ยูนนาน) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 โดยมีธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB: Asian Development Bank) เป็นผู้ให้การสนับสนุนหลัก กลุ่มประเทศ GMS มีพื้นที่รวมกัน ประมาณ 2 ล้าน 3 แสน ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ พื้นที่ของยุโรปตะวันตก มีประชากรรวมกันประมาณ 250 ล้านคน และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมโยงติดต่อระหว่างภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
***ฝากถึงนักลงทุน***
เวลาลงทุนให้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า
---จบ---
By: ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์
แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68