ท่ามกลาง ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียม ค่าธุรกรรรม ผ่านระบบออนไลน์ ส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมหายวับไป ทำให้นักลงทุน เทขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมา จนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาจนถึง ตอนนี้ ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ ได้สะท้อน ตอบรับรายได้ที่ลดลงแต่ค่าธรรมเนียมที่หายไป จะสะท้อนอยู่ในผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้

โดยไตรมาสแรกปีนี้ ผลประกอบการกลุ่มแบงก์ ก็ใกล้ถึงเวลา จะประกาศให้นักลงทุนได้รับทราบตัวเลข รู้ผลกำไร รู้รายได้แมกกาซีนหุ้นอินไซด์ รายวัน นำมุมมองทิศทาง แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไตรมาส 2 ปีนี้ของ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด มานำเสนอให้ผู้อ่านได้ติดตาม โดยมีเนื้อหา ความน่าสนใจดังนี้

Q : แนวโน้มตลาดหุ้นไทยไตรมาส 2 ปีนี้ เรามองอย่างไร

ไตรมาสที่ 2 ผมว่ากำลังน่าสนใจ เพราะอีก 2 อาทิตย์หรือ 2 สัปดาห์ แบงก์ จะเริ่มประกาศผลประกอบการ ซึ่งผมคิดว่าถ้าเทียบ Y-Y ,Q-Q ผลประกอบการของธนาคารไทยพานิชจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลายแบงค์จะเห็นผลประกอบการดีขึ้น เผลอๆบวกเกือบ 20% ด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นทั้งในแง่รายได้ในแง่ภาระหนี้เสีย NPL ที่ถึงยอดสูงสุดไปแล้ว ผมว่าตรงนี้ตลาดจะพอใจ อิงตลาดไทย บางทีนักลงทุนรายย่อยของเราจะตอบสนองช้ากองทุนสถาบันต่างประเทศ เริ่มค่อยๆทยอยเก็บแบงก์พาณิชย์ บ้างแล้ว ในบางประเด็นเรื่องฟันด์โฟลว์ แต่ก็ทยอยเก็บแบงก์ใหญ่ๆดีๆมาบ้างแล้ว ผมว่ารายยย่อยในประเทศกับกองทุนใหญ่ๆในบ้านเรา อาจจะมีการชิพออกหรือขายหุ้นจากหุ้นกลุ่มพลังงานในไตรมาส2เข้าไปสู่กลุ่ม
ธนาคารพานิชย์ขนาดใหญ่มากขึ้นหรืออาจจะออกจากธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก เข้ามาสู่แบงก์ใหญ่มากขึ้นในไตรมาส 2 เมื่อเห็นผลประกอบการดีขึ้น

Q : กรณีแบงก์ประกาศยกเลิกค่าฟี?

CLSA มองว่าการปรับค่าธรรมเนียม ค่าฟีลดลงของแบงก์ขนาดใหญ่ เป็นเรื่องที่พูดคุยกันมานานพอสมควรแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า ธนาคาร TMB ได้นำร่องไปก่อนนานแล้วแล้ว ยิ่งมีพร้อมเพย์ ที่คนเริ่มใช้มากขึ้นพร้อมเพย์ ก็เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ของโมเดลที่เราเก็บค่าธรรมเนียม
เราคิดว่าโมเดลในการสร้างรายได้ในยุค 4.0 แบงก์รู้ตัวว่า จะต้องปรับต้องปลี่ยน เรามองในแง่ดิจิตอลแพลตฟอร์มที่แบงก์ ต้องให้โอกาสกับการที่เปลี่ยนช่องทางในการขายสินค้าทางการเงินใหม่ๆจากอดีตเคยขายผ่านทางช่องสาขา ตอนนี้แบงก์ก็เริ่มทยอยปิดสาขาแล้ว จนบางแบงก์ อย่างธนาคาร SCB ก็ใช้กลยุทธ์แบบตีลังกากลับหัว ว่า ต้องปิดสาขาและย้ายพนักงานเข้ามาอยู่ในITดิจิตอลแพลตฟอร์มมากขึ้น แบงก์อื่นๆอย่างTMB ก็ปรับแล้ว KBANK ทำในเรื่อง K Transformation อย่างเงียบๆมาก่อนใครนานแล้ว เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเขาพร้อมที่รับตรงนี้ แม้จะเสียค่าฟีลดลง 1-2% ของรายได้ทั้งหมด ผมว่าระยะกลางระยะยาวแบงก์จะต้องปรับโครงสร้างในแง่ของค่าใช้จ่ายตัวเองให้ได้ ซึ่งเขาพยายามทำอยู่แล้ว จากนั้นก็จะมีรายได้ใหม่ๆที่จะเข้ามา มันจะมีมากขึ้น เพราะฉะนั้นระยะกลางระยะยาวเรามั่นใจและยังให้กลุ่มแบงก์อย่าง KBANK TMB
และธนาคาร กรุงเทพ หรือ BBL เป็นท็อปพีกของเราในปีนี้

Q : เราจะมีการปรับหรือทบทวนกำไรบจ.ไหมในปีนี้

เราคงไม่ปรับกำไร บจ. ตอนนี้ แต่ถ้าปรับจริงๆแล้ว momentum ใน ระยะสั้น-กลาง ก็น่าจะดูดีจากตัวเลข GDP ถ้าเรามองเห็น momentum จากตัวเลข GDP มาจากการส่งออกที่ดีขึ้น ตอนนี้เราเห็นการท่องเที่ยวที่เติบโตดีในไตรมาส 1 ด้วยและเราจะเห็นโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งเราหวังว่าในไตรมาสที่ 2 , 3 และ 4 จะเห็นภาพชัดเจนขึ้นและภาครัฐจะกล้าลงทุนมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าปรับประมาณการ trend เราจะปรับขึ้นมากกว่าปรับลง "ผมไม่เถียงว่าบรรกาศในการลงทุนในโลก มีความกังวลที่มากขึ้น จากท่าทีที่ก้าวร้าวและดุดันของประธานาธิบดีสหรัฐ ดอนัลด์ จอห์น ทรัมป์ที่พูดถึงสงครามการค้าโลก พูดถึงประเด็นที่เกี่ยวกับการกีดกันหรือความที่อยาก จะเรียกว่าอเมริกาเฟิร์สและก็ทะเลาะกับจีนหรือที่ว่าชวนคนอื่นทะเลาะไปเรื่อยเนี่ย อันนี้เป็นบรรยากาศที่ อาจจะทำให้คนกลัวกังวล แต่ผมยังมองว่าเราเห็นตัวอย่างของ“ทรัมป์”มีการต่อรองดุดันอย่างเรื่องเกาหลีเหนือมาแล้ว เพราะฉะนั้นความดุดัน ตรงนี้ ผมยังเชื่อว่าเป็นเสียงรบกวนมากกว่าเป็นเนื้อจริงๆเป็นน้ำที่เดียว ก็หายกังวลไปได้"

Q : นอกจากกลุ่มแบงก์ หุ้นในกลุ่มไหนบ้าง ที่มีความน่าสนใจลงทุน

ตอนนี้หุ้นที่ยังไม่ขึ้นเเล้วอาจจะมีจุดที่ค่อยๆ Turnaround ได้ คือ กลุ่มก่อสร้าง กลุ่มโฆษณามีเดีย กับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มก่อสร้าง คือทุกคนผิดหวังกับการล่าช้าในการลงทุนเม็ดเงินโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐเเละก็กังวลว่าต่างชาติจะมาเเย่งงานบ้านเราหรือบริษัทเล็กๆจะได้งานมากขึ้นเ เต่ผมคิดว่ามันสะท้อนในราคาหุ้นค่อนข้างเยอะเเล้ว บริษัท ซิโน-ไทย ที่ตั้งสำรองเต็มที่เเล้วก็ปรับตัวลดลงมาเยอะเเล้ว บริษัทที่ไม่ต้องตั้งสำรองเลยอย่างบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่งหรือบริษัท ช.การช่าง ก็ลงมาเเรงเหมือนกับว่าโดนตั้งสำรองทั้งๆที่เขาไม่ได้ตั้งอยู่เเล้วเพราะฉะนั้น ผมคิดว่า บริษัทเเบบนี้ต้องทยายเก็บในกลุ่มของก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกันเราเห็นเเบงก์พาณิชย์เริ่มกล้าที่จะปล่อยสินเชื่อบ้าน ด้านอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เป็นสัญญาณที่เเบงก์พาณิชย์ขนาดใหญ่เปิดรับเเละค่อยๆปล่อยสินเชื่อตรงนี้มากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณนี้ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ผมคิดว่ากำลังคนยังมีอยู่การจ้างงาน ก็ยังดี เพราะฉะนั้นตรงนี้ อสังหามูลค่าไม่เเพงหลายตัวตั้งเเต่ ศุภาลัยหรือว่าจะเป็น QH มีคนถามถึงมากขึ้นเเล้ว กลุ่มมีเดีย กลุ่มสื่อก็เป็นตัวสุดท้ายที่เห็นอย่าง BEC trend ของอุตสาหกรรมในปีนี้มีการจัดงานสังสรรค์ค่อนข้างเยอะเเละเยอะขึ้นเรื่อยๆเป็นปีท่องเที่ยวไทยด้วย เพราะฉะนั้นคนก็เริ่มถามถึงในเเง่ Turnaround เรทโฆษณาต่อนาที จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดไหมเเค่เรื่องละครภาค2เเละมีเรื่องอื่นๆที่ต่อเนื่องก็เป็นกระเเสะส่วนหนึ่งปัจจัยพื้นฐานจริงก็น่าจะดีขึ้นด้วย

Q : มองอนาคต ICO อย่างไร

ICO กำลังอยู่ในขั้นตอน ที่ต้องมีพระบรมราชานุญาตออกมาพระราชกิจจานุเบกษาเเล้วประกาศเเล้วบังคับ เพราะฉะนั้นผมว่าตรงนั้นก็จะเกิดขึ้น ในที่สุดเล้วเราก็จะเห็นกฎหมายที่มาควบคุมกำกับดูเเลเหรียญสกุลดิจิตอลอย่างเป็นรูปธรรมทั้งรวมถึงตัว ICO ด้วย ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี ICO ถูกกำกับอย่างพอดีเ เล้วก็มีความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเเละทางภาครัฐสามารถให้ความไว้วางในในระดับหนึ่งได้ไม่ใช้ใครจะมาออกเหรียญก็ได้ ถ้ามันมีตัว buffer ที่ กลต. ลงมาดูเเละ กลต. ทำงานหนักมากในตัว ICO ผมคิดว่ากฎเกณฑ์ที่ออกมาจะเป็นที่น่าพอใจ เพราะเราก็ต้องการเห็นการระดมทุนที่คล่องตัวสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องการเห็น ICO ที่มีคุณภาพดี อย่าง jmart ทำ jfin coin เราคิดว่าก็น่าจะมีที่อื่นทำตามเรื่อยๆ ผมคิดว่ากฎเกณฑ์จะออกมาประกาศใช้ภายในไม่ช้า

Q : ถ้า ICO เกิด จะทำให้สัญญาณเศรษฐกิจไทย จะดีตามขึ้นด้วยหรือไม่

คงไม่ถึงขั้นสกุลเงินดิจิตอล จะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น คือ ผมคิดว่าภาครัฐในปีนี้ จะทำให้เศษฐกิจดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญมี 2-3 เรื่องใหญ่ เรื่องเเรกคือเรื่องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐอันนั้นสำคัญมากที่ต้องเปิดประมูลให้ทัน หลายโครงการได้มีการวางเเผนชัดเจน เรื่องที่ 2 คือโครงการใหญ่ๆอย่างเรื่องระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกหรือ EEC ถ้าเกิดสามารถนำนักลงทุนใหญ่ๆบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติมาลงทุนปักหมุดอันนี้ก็ทำให้เชื่อว่านักลงทุนระดับใหญ่ๆในประเทศได้กล้าลงทุนรวมไปด้วย 2 โครงการนี้จะเป็นเรื่องใหญ่สุด ส่วนเรื่องที่ 3 เป็นเรื่อง นวัตกรรมหรือ Digital Exorcism เรื่องกฎหมายต่างๆเป็นเรื่องสำคัญผมว่าภาครัฐพยายามดูอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้กฎหมายมันตามทันหรืออย่าไปวิ่งเเซงนวัตกรรมหรือยอมให้นวัตกรรมพัฒนาไปก่อนกฎหมายค่อยตามมาที่หลังก็ได้ เพราะจริงๆเเล้วการซื้อขายเหรียญสกุลดิจิตอล

ก็มีมานานเเล้วตอนนี้ก็เริ่มมีกฎหมายที่ตามมา เพราะคนเริ่มใช้เริ่มลงทุน ผมเชื่อธนาคารเเห่งประเทศไทยก็เปิดรับเรื่องนี้เเละพยายามจะใช้เทคโนโลยี Blockchain เเละ Cryptocurrency ในการทำธุรกิจธุรกรรมในตัวเเบงก์ชาติกับธนาคารพานิชไซด์ใหญ่กันเองส่วนในเเง่ของ กลต. ก็ทำเรื่อง ICO ได้ดี ทั้งนี้กระทรวงการคลังก็ต้องดูเรื่องของภาษีว่าเป็นอย่างไร เพราะถ้าเรามาเก็บกันเองผิดจุดหรือเร็วเกินไป จะทำให้ ICO ดีๆ บริษัท startup ดีๆไม่เข้ามาลงทุนในบ้านเรา จะทำให้เสียโอกาสที่นวัตกรรมดีๆของบ้านเรา ที่เป็นคนไทยกันเอง ไปต่างประเทศหมด เพราะฉะนั้นICO ผมหวังจะไม่มีการที่เก็บบภาษี ICO ถ้าเรามาปิดช่่องทางตรงนี้เก็บภาษีสูงหรือเร็วเกินควรเขาก็จะไปออกที่อื่น ทำให้เราเสียโอกาสได้ ซึ่งก็น่าเสียดาย เพราะว่าคนไทยที่มีไอเดียดีๆ ทำให้ต้องไปอยู่ต่างประเทศ"ผมว่า กลต.ทำเรื่อง ICO มานาน เขาไม่ได้ปิดกั้นเลย เชียร์ด้วยซ้ำไป เพราะว่ามันเกิดการเขย่า เพราะกลต.ก็เป็นผู้คุมกฎเเละอยากดูเเลให้เกิดการเเข่งขันอย่างเป็นธรรม บางที่กลต.อาจจะอยากเห็นตลาด2เเห่งก็ได้ Cryptocurrency อันหนึ่ง ตลาดหลักทรัพย์อีกอันหนึ่งที่ คนมองว่าเป็นเเห่งเดียว อาจจจะมีคู่เเข่ง ก็ไม่ผิดอะไร เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมเชื่อ กลต.เขามองอย่าง ผู้คุมกฎผู้มองการไกล เพราะฉะนั้นเรื่อง Cryptocurrency หรือ ICO ค่อนข้างเห็นด้วยมานานเเล้ว เเต่พยายามปรับกฎเกณฑ์ให้ทางผู้มีอำนาจทางรัฐบาลรับได้ เเล้วก็ประสานงานกับกระทรวงคลังด้วยเเบงก์ชาติด้วย เพราะตัว Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิตอลไม่ได้เป็นอำนาจของก.ล.ต.อย่างเดียว"

คำค้าหา
  CLSA      ICO     Cryptocurrency