Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ : เจาะใจ บิ๊ก PPS ปรับมุมมอง ICO

4,085

แมกกาซีนหุ้นอินไซด์ ( 2 มีนาคม 2561 )--------สัมภาษณ์พิเศษวันนี้ทีมข่าวหุ้นอินไซด์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ "ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) " แบบเปิดอก เปิดใจ เกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะออก Profin Coin เพื่อให้ผู้รับข่าวสาร เสพข่าวอย่างเข้าใจการระดมทุนในรูปแบบ ICO ที่ PPS กำลังศึกษา รวมทั้งแนวคิดการออก ICO มีจุดประกายเริ่มต้นจากอะไร ขอเชิญติดตามเนื้อหาน่าสนใจดังนี้

 

Q : อยากให้ช่วยอธิบายเรื่องของการศึกษาความเป็นไปได้ตั้งบริษัทร่วมทุนมาเพื่อจะออก ICO
-สถานะปัจจุบันบอร์ด PPS อนุมัติให้ศึกษา ว่าจะร่วมทุนกับ 2 บริษัท คือ บริษัท ฟินเทค (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เวโลพาร์ค จำกัด เพื่อออก ICO ในการระดมทุนมาใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง หรือเรียกว่าโปรเจคไฟแนนซิ่ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ PPS คิดไว้นานแล้ว หากย้อนดูข่าวใน Q3-Q4 ที่ผ่านมา ก็จะเห็นได้ว่าเราพยายามจะศึกษาเรื่องนี้ เพราะเราเห็นช่องว่างในการไฟแนนซ์ให้กับผู้รับเหมาหรือ Suply ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ที่ PPS มีความเข้าใจความเสี่ยงของสิ่งนั้นอยู่ ยกตัวอย่าง PPS มีงานคอนเซาท์อยู่ชิ้นหนึ่ง แต่งานยังไม่คืบหน้า ไม่เสร็จสักที แล้วก็มีปัญหามากๆ งานไม่เสร็จอาจจะเกิดจากงานนั้นมีสิ่งที่ต้องแก้อยู่ เสร็จแล้วงานที่ต้องแก้ ผู้ที่เป็นผู้รับเหมาหลักก็สับๆๆ งาน แล้วเกิดว่าผู้รับเหมาหลักเกิดปัญหา ไม่สามารถจ่ายเงินให้ผู้รับเหมารายย่อยได้ ผู้รับเหมารายย่อยก็จะมีปัญหาไม่มีกระแสเงินสด ก็เขาเป็นรายเล็ก แล้วบอกให้ PPS มาช่วย บอกพี่หนึ่งไปเรียกน้องมาหน่อยสิ ปิดงานไม่เสร็จสักที เปิดไม่ได้สักที แล้วให้เราไปเรียก แล้วเราจะไปเรียกได้ยังไง คุณไม่ได้จ่ายเงินให้เขา เราเป็นคอนเซาท์ เราเรียกผู้รับเหมามาทำได้ แต่ผู้รับเหมารายย่อยบอกว่า ไม่มีเงินจ่ายลูกน้อง เพราะพี่ดึงตังผม ทำให้เราคุมงานไม่ได้ ก็มาบอกว่า PPS ไม่ดี ไม่เห็นจะดีแบบที่พูดไว้เลย เราก็เลยบอกว่าอันนี้เป็นไอเดียที่มีช่องอยู่ และ PPS ก็รู้เลยว่าคนนี้เป็นใคร รู้เลยว่าคนนี้เป็นผู้รับเหมาที่เป็นคนดี งานเขาเสร็จ มีงานจริง คนจ่ายเงินเป็นคนนี้ เพราะฉะนั้นคุณมีงานอยู่แล้ว ไฟแนนซ์มาให้เรา เราไฟแนนซ์ให้คุณ ใช้พาร์ทเนอร์ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อกัน เพราะอย่างงั้นสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ PPS สามารถคุมงาน คุมคุณภาพ คุมเวลา และปิดงานนั้นให้เสร็จได้จริงๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ


เรามองภาพนี้ ทำให้ PPS เป็นแบรนด์ที่เหนือกว่าคนอื่น เพราะ PPS สามารถปิดงานได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นลูกจ้างแล้วก็ไปสั่งคุมเงินใครก็ไม่ได้ เพราะเราก็ได้เงินน้อยเหมือนกัน เราก็เลยไปปรึกษาเพื่อนๆในวงการ เราก็ไปอ้อนวอนเขามาหมดแล้ว แต่เขาไม่ทำให้เรา แล้ววันนั้นที่เราไปเจอ เราก็คิดว่าเราก็น่าจะทำเองได้ แล้ว PPS เองก็มีกระแสเงินสดอยู่ประมาณหนึ่ง แล้วเราก็ไปเจอคนๆหนึ่ง ก็คือ ฟินเทค ซึ่งจริงๆเขารู้จักกับเรามานานแล้ว เและน้องเขาก็มีความสามารถในการทำ AI เทรดดิ้่ง พอเจอกันเขาก็มาขายโปรดักซ์กับเรา เราก็บอกว่าเรามีวิชั่นแบบนี้อยู่ ถ้าฟินเทคสามารถทำเรื่องนี้ให้เราได้ เราจะซื้อโปรดักซ์เขาเลย แต่ถ้าไม่ทำให้เราก็จะไม่ซื้อโปรดักซ์เขา เราก็บอกประมาณนี้ เขาก็บอกว่าเรากำลังทำเรื่องนี้อยู่พอดีเลย แล้วก็คิดอยู่ว่าจะเอาเงินนี้ไปสั่งโปรเจคอะไรดี พอดีมีโปรเจคของพี่หนึ่งพอดี เราก็เลยบอกให้ไปเจรจากับของเขา ซึ่งมีไวโรเทคกับวีโรพาส เป็นอาจารย์ของเขาอีกที ชำนาญด้านไฟแนนซ์ ก็เลยเกิดการรวมตัวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเร็วมาก เพราะเราทำอะไรกันเร็ว ถามว่าเราคิดนานไหมก็ไม่นะ แล้ววันที่เราคิดกันเป็นวันที่เราเล่นกีฬาสีกัน แล้วเราก็คิดว่าทำได้ มันทำได้ เรามองว่าถ้าออก ICO มันจะเป็นสิ่งที่ต้นทุนทางการเงินของเราก็จะต่ำลง เราลองเลือกทางนี้ดูก่อน แต่เราจะยืนยันอีกทีว่าสิ่งนี้คือธุรกิจ เรามีพื้นฐานการทำธุรกิจเป็นหลัก ธุรกิจมาเป็นนำถ้า ICO ใช้ไม่ได้ เราก็ต้องทำธุรกิจอื่นจนกว่าจะทำได้ เราไม่ได้เก็งกำไรจาก ICO อยู่แล้ว จะทำได้หรือไม่ได้ก็ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรกับเรา แต่ทำให้ต้นทุนทางการเงินของเราเพิ่มขึ้น อันนี้เป็นความเสี่ยงที่เราคาดการณ์เอาไว้

 

Q : เห็นข่าวว่าจะมีการขายเดือนมีนาคม
- เรื่องการขาย การเทรด เป็นเรื่องของพาร์ทเนอร์ของเรา ที่เขาเป็นผู้ชํานาญการ ส่วนทางเรา เรามีพาร์ทเนอร์ใน MOU ที่เราบอก PPS มีหน้าที่ในการทำธุรกิจ และปิดความเสี่ยงของไฟแนนซ์ สิ่งที่ PPS ได้ก็คือแบรนด์ดิ้งที่เข้มแข็งขึ้นและค่าโปรเฟสเซอร์นอลฟรีในการสกรีนลิสต์โปรไฟล์ MI ที่มาไฟแนนซ์ซิ่ง แล้วเราก็ตั้งใจว่าจะถือหุ้น แบ่งกัน 1 ใน 3 PPS ถืออยู่ประมาณ 30-40 โดยประมาณ ถ้าตกลงกันสำเร็จตามนี้

 

Q : คิดว่าหากโปรเจคสำเร็จ จะเกิดความเปลี่ยนแปลง หรือสิ่งที่ตามมาในด้านอุตสาหกรรมอย่างไรบ้าง
- คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมมากๆ โดยเฉพาะสำหรับตัว PPS เอง ทำให้ PPS เป็นคนเดียวที่ทำสิ่งนั้นอยู่ เพราะว่า 500 ล้านแรกที่ออกมา เป็นสำหรับไฟแนนซ์ซิ่งสำหรับโปรเจคในเครือที่ PPS มองเห็นเท่านั้น ซึ่งปัจจุบัน PPS มองเห็นปีๆหนึ่ง อยู่ที่ประมาณ 2-3 หมื่น
ล้านบาทต่อปี เพราะฉะนั้นเรามองว่า 500 ล้านบาท ที่ออกมาน้อยมาก

 

Q : สมมุติว่าทุกอย่างสำเร็จขึ้นมา 500 ล้านบาทถูกใช้ในแง่ของการทำธุรกิจอย่างคุ้มค่า จะมีล็อต 2 ตามมาอีกหรือไม่
- เราคิดไปทีละสเต็ป เราไม่ได้คิดล้ำไปกว่านั้น แต่ถ้าไปสัมภาษณ์พาร์ทเนอร์ของเรา เขาก็อาจจะคิดล้ำไปก่อนแล้ว แต่ถ้าเป็นเราเราเดินที่ละก้าวเดียว ขอก้าวตรงนี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปก้าวข้างหน้า เพราะว่าถ้าเราไปพูดในสิ่งที่ยังไม่ได้เกิด แม้แต่ก้าวแรกยังไม่ทันจะได้ ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่คาดเคลื่อนของประชาชน แล้วก็ผู้ถือหุ้นได้ เขาอาจจะเริ่มจินตนาการว่าจะเป็นยังไง ทั้งๆที่สเต็ป 1 ยังไม่ทันเดินเลย


Q : ภาพรวมแผนธุรกิจ PPS ปี 2561
- ในปี 60 เป็นปีที่เราทำได้ดี ในปี 61 เราก็คิดว่าจะทำได้ดีอีก จากธุรกิจเดิมของเรา ในส่วนของธุรกิจของ PPS ก็จะมีการให้บริการควบคุมการก่อสร้าง การออกแบบ และในช่วงปลายปีเราก็ตั้งบริษัทหนึ่งมา ชื่อว่า บริษัท สะพัฒน์ โปรเจค จำกัด ( SPP) ซึ่งจะทำในส่วนของการให้บริการหลังอาคารสร้างเสร็จแล้ว เป็นเรื่องของการใช้อาคาร การประหยัดพลังงาน SPP ในปัจจุบันทำ Blacklog อยู่ 3 ประเภท คือ ประเภท A คือได้แล้ว มีสัญญาอยู่แล้ว เป็น Blacklog ที่พร้อมจะรับรู้ ในปี 2561 เรามี Blacklog ที่พร้อมจะรับรู้ประเภท A อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท เท่ากับปีที่แล้วทั้งปี เฉพาะ Blacklog ของ PPS งานรถไฟที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ ไม่รวมอยู่ใน Blacklog ที่พูดถึง เพราะว่า คิดว่าจะมีความล่าช้าของงาน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในไตรมาส4 /61 นี้ด้วยซ้ำ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ หุ้นของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างราคาค่อนข้างตกทั้งกลุ่ม หากย้อนไปดูเราคิดว่าปี 61 ความคาดหวังในงานกลุ่มนี้ที่จะมาไว หรือในเรื่องเงินของภาครัฐที่จะมาไว ก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ มันอาจจะขยับหรือล่าช้าได้ เพราะยิ่งรัฐบาลมีความเปลี่ยนแปลง ก็ยิ่งทำให้มีปัญหากับงบประมาณของภาครัฐ เราจึงไม่ได้ใส่ไว้ใน Blacklog และงานที่ควรจะอยู่ใน Blacklog งานสุวรรณภูมิ PPS เองก็เริ่มเห็นปัญหาว่าอาจจะรับรู้ได้ช้าลง เพราะในส่วนของงานเองก็มีความล่าช้า ถ้าย้อนดูกลุ่มเดียวกันก็จะเห็นว่าไปในทิศทางเดียวกันหมดเลย คือล่าช้า ซึ่งเราก็เลยกันในบางส่วนไว้ ซึ่งเราจะรับรู้รายได้เท่ากับต้นทุน ผลก็คือว่าเรารับรู้รายได้จริงแต่อาจจะไม่มีกำไรจากสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งในปีนี้เราตั้งเป้าไว้ 450 ล้านบาท

ส่วน Net Margin เราจะเหลือประมาณ 10% แปลว่า Net Margin เราจะเหลือน้อยกว่าปีที่แล้ว ถ้าถามว่างานจะถึง 450 ล้านบาท ได้ยังไงในเมื่อ Blacklog ยังไม่ถึงเลย ก็จะมีงานของบริษัท สะพัฒน์ โปรเจค จำกัด นี่แหละ ซึ่งปัจจุบันมีงานที่เซ็นสัญญาแล้ว กับงานที่รอเซ็นสัญญาอยู่ ซึ่งอาจจะกินรายได้ถึง 1 ใน 4 ของ PPS ก็ได้ ก็เป็นความหวังว่าเราจะพยายามทำให้ได้ ซึ่งเป้าหมายที่เราวางไว้ในปีนี้ เราหวังว่ารายได้เราจะถึง 1 พันล้านบาท ใน 5 ปี เราต้องมีเป้าหมาย ก็คือเติบโตจากปีที่แล้ว 25% แล้วก็เติบโต 25 % ไปเรื่อยๆ เพราะถ้าคูณเลขดูก็จะถึง 1 พันล้านบาท พอดีภายใน 5 ปี


Q : อยากฝากอะไรถึงนักลงทุน
- อยากจะบอกว่า PPS เรา ยึดหลักสำคัญมาก อยู่ 3 ข้อ คือข้อ 1. เราพูดความจริง 2. เราไม่พูดเหน็บแนมคนอื่น ข้อที่ 3. เราไม่พูดขี้โม้ด้วย ซึ่ง 3 ข้อนี้เป็นสิ่งที่เรายึดถือมาตลอด และถ้าถามว่าเราออก ICO อย่าเอาเรื่องนี้ไปเหมารวมกัน แม้กระทั่งการออก IPO เองก็มีทั้งคนดีและไม่ดี ที่มาออก IPO มันไม่จำเป็นว่าคนที่ออก ICO ต้องเหมือนกันหมด ซึ่ง ICO ที่เราออกเป็นหลักทรัพย์ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือก.ล.ต.ที่อยากจะควบคุมเรา เราบอกเลยว่าเราทำตามนี้ แถมเราออกมาราคาบาทต่อบาท แล้วเราก็ไม่ได้กันส่วนอะไรไว้เลย แล้วเงินที่เราระดมทุนได้เราก็ไม่ได้นำไปพัฒนาระบบอะไรเลย เราก็นำมาปล่อยเงินกู้ได้ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะทำอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่จะช่วยรายเล็ก รายย่อย ให้เขาเข้าถึงแหล่งเงินที่ธนาคารไม่ปล่อย และธนาคารก็บอกว่าเราเป็น Threatsของธนาคาร ถ้าธนาคารไม่อยากให้เราเป็น Threatsธนาคารก็ต้องปล่อยให้เขา อย่ามาสร้างประโยชน์อย่างนั้น ถ้าธนาคารคิดจะแข่งก็ต้องแข่งอย่างมีศักดิ์ศรีบนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน
เราก็อยากบอกว่าดูดีๆนะครับ มันมีทั้งดีและไม่ดี สิ่งที่ PPS ทำ จริงๆแล้วเราแอบทำก็ได้ ไม่จำเป็นต้องบอกให้ทุกคนรู้ แต่ที่เรามาบอกให้ทุกคนรู้เพราะเราก็พยายาม เหตุผมที่เราพยายามมาเร็ว เพราะเราคิดกลัวว่าจะมีคนไม่ดีมาทำเร็วกว่าเรา สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือความเข้าใจผิดกันไปใหญ่ในเรื่องนี้ ซึ่งปัจจุบันสังคมเชื่อไปแล้วประมาณหนึ่งว่า คนที่ทำอันนี้ไม่ดี ทำแบบนี้คือชั่ว แล้วมันก็มีคนที่ทำแบบนั้นจริงๆ มันเป็นการปิดโอกาสของคนอื่นในประเทศไทยที่ยังพัฒนาไปได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำได้ ก็จะเป็นการบอกได้ว่าคนดีๆเขาทำแบบนี้ก็ทำได้


----จบ----

By :สิทธิโชค ก้อนศิลา / ชลิตา เรือนอิ่น

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้