Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ: "T " ชีวิตใหม่

5,740

สัมภาษณ์พิเศษ: "T " ชีวิตใหม่


             หนุ่ม"ทรรศิน จงอัศญากุล" จบกฎหมายทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท จากประเทศอังกฤษ ผันตัวเอง มานั่งบริหารงานใน บมจ.ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม  หรือ หุ้น T ตั้งเป้าจะนำบริษัทให้กลับมามีผลกำไร ปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ๆ  หวังล้างภาพหุ้นปั่นสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นยิ้มได้  มั่นใจปี 60 ล้างขาดทุนสะสมหมดเกลี้ยง รายได้แตะ1-2 หมื่นลบ. 


    Q : "ทรรศิน จงอัศญากุล" แนะนำตัวเอง

     : ผมเรียนจบจากประเทศอังกฤษ จบทางด้านกฎหมายทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท และก็ออกมาเป็นพนักงานประจำ ออกมาเริ่มต้นทำงานที่ปูนซีเมนต์ แล้วหลังจากนั้นได้มาทำงานที่บริษัทต่างชาติแล้วตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะ ย้ายมาทำงานที่บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) T  นั้น ผมก็ทำงานเป็นผู้บริหารประจำผู้ภูมิภาคเอเชียของบริษัทฝรั่งแห่งหนึ่ง โดยทำธุรกิจผลิตเครื่องจักร ขายและบริหารภูมิภาคเอเชียด้วยครับ

    Q :อยากทราบว่ามีการศึกษาบริษัทไทยบริหารก่อนที่จะรับตำแหน่งเข้ามาบริหารอย่างไรครับ
     : เรามีการศึกษาอยู่เรื่อยๆ ก่อนมีการเข้ามาก็มีการศึกษาตอนนี้ปัญหาของบริษัทมีอะไรบ้าง จะมีการแก้ปัญหาอย่างไรก็มีการพูดคุยครับ มีการวางนโยบายและกลยุทธ์ ว่าเข้าแล้วจะทำอย่างไรเพื่อให้มันกลับมาดีขึ้นและประสบความสำเร็จ เราก็ดูในแง่งบการเงินและก็จะมากระตุ้นให้กลับมามีผลกำไร

    Q: มีแผนสำหรับกี่ปีที่จะช่วยชุบชีวิตไทยบริการ
     : ปลายปีนี้นโยบายของบริษัทเราจะทำให้กลับมามีกำไร  โดยจะเริ่มกลับมาบวกตั้งแต่ Q2/58 เลยครับ คือต้องบอกว่า Q1/58 ที่ขาดทุน เราก็มีการเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้ทางการค้า ก็ราว60 ล้านบาทซึ่งมันยังอยู่ในไตรมาส1อยู่ทำให้ผลการดำเนินงานQ1 ขาดทุนและก็เป็นผลมาจากปีก่อนด้วย ภาพน่าจะดีขึ้นตั่งปี Q2แล้วก็ล้างขาดสะสมได้หมดในช่วงปลายปี 60 นะครับโดยใช้ผลกำไรจากการดำเนินงานมาล้างขาดทุนสะสม
    ส่วนใหญ่ขาดทุนสะสมของเราที่ผมมีการเข้าไปตรวจดูตอนนี้เป็นจากของโครงการใน อดีต ดังนั้นถ้าสามารถเคลียได้คาดว่าก็น่าจะเห็นการลดลงของขาดทุนสะสมต่อเนื่อง คือจริงๆ เป็นปัญหาของการจัดการซะส่วนใหญ่ พอไม่มีการจัดการที่ดีก็จะโดนทิ้งไว้อย่างนั้น

Q : มองว่าปีนี้ถือเป็นเหมือนปีของการกวาดบ้านใหม่ไหมครับ
     : ตอนนี้เราทำอยู่ตลอดมาสักพักแล้วถือว่าเกิน 60-70 % แล้วนโยบาย คือ อย่างแรกที่ผมเข้ามา คือ ปรับโครงสร้างบริษัทฯให้กลับมาดีขึ้น หน้าที่แรกๆเคลียเรื่องงบปี 57 และไตรมาส1/58ให้ทันเพื่อให้ตรงตามมาตราฐานหลังตลาดหลักทรัพย์ และก.ล.ต. แล้วเรื่องนั้นก็แล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว
     ตอนนี้ก็เป็นช่วงที่เรากำลังจะเซ็ทคนให้ถูกตำแหน่ง แล้วก็ปรับโครงสร้างองค์กรให้มันตรงกับสภาพ ณ ปัจจุบัน เพื่อมีการรองรับธุรกิจใหม่ๆ ที่เราจะมีการนำเข้ามา

Q: ธุรกิจไหนจะเป็นธุรกิจที่เด่นสำหรับบริษัท
     :ธุรกิจใหม่ครับ น่าจะเป็นตัวดาวเด่นอย่าง เช่นตัวโรงแรมที่ประเทศอังกฤษ น่าจะเป็นตัวที่ทำกำไรให้แก่เราเยอะ เพราะเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของที่นั้นครับ แล้วก็มีธุรกิจการบริการที่มีการคุยอยู่ข้างนอกอยู่เหมือนกันเป็นเรื่องของ การให้บริการภายในประเทศ
     ตอนนี้อยู่ในขั้นเจรจาถ้าสำเร็จก็จะเป็นตัวที่ทำผลกำไรให้ดีด้วย และก็มีพลังงานทางเลือกทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาเหมือนกัน แต่ธุรกิจพลังงานทางเลือกเนี่ยมี2 แบบ คือ ก่อนCOD สร้างออกมารู้อนาคต แต่ยังไม่ได้รับรู้รายได้เข้ามาชัดเจน และอีกแบบคือซื้อสำเร็จเลยไปเทคโอเวอร์กับบริษัทนั้นๆที่เข้ามีรายได้อยู่ แล้ว ซึ่งเราก็มีอยู่ในที่เจรจราทั้ง2 รูปแบบเลย แต่ยังไม่ได้เปิดเผยชัดเจนเพราะเป็นขึ้นที่กำลังเจรจา ศึกษาพูดคุย

Q :ตอนนี้พลังงานทดแทนเป็นสิ่งที่บริษัทฯ มีความสนใจกันเยอะเรามองว่าเป็นการสร้างราคาหุ้นมากกว่าสร้างธุรกิจหรือเปล่าคับ
     :ผลคิดว่าปีที่แล้วที่มีคนเข้าไปเป็นผู้เล่นในพลังงานทดแทนมากนั้น เพราะว่ารัฐบาลในเมืองไทยให้การสนับสนุนคนก็เริ่มจะเข้าไป ซึ่งบางบริษัทก็มีการทำจริง บางบริษัทก็ใช้เป็นสตอรี่ในการทำให้คนเข้ามาตื่นตัวกับธุรกิจของบริษัท

Q แล้ว T ทำจริงไหมคับ
     :ทำจริงครับ คือผมเข้ามาบริหารแล้วไม่ได้มองเรื่องราคาหุ้นเป็นหลักเลยครับ แต่มองเรื่องการสร้างธุรกิจให้มั่นคง มองว่าราคาหุ้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไรแต่ถ้าธุรกิจกลับมาเทริน์อะราวด์มั่นคง เดี๋ยวจะสะท้อนกลับมาที่ราคาหุ้นเองครับ และจะอยู่ได้ยืนยาว

Q: ถ้าประเมินจากฐานธุรกิจในปัจจุบันประเมินว่า T อยู่ที่เท่าไหร่ครับ

     : จริงๆ ผมว่าตรงนี้ต่ำสุดแล้วครับ.... สำหรับผมมองว่าแทบไม่มีราคาแล้วครับ คือ เราต้องยอมรับว่า T ในปีที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นเก่า ทำให้การบริหารมาไม่ดีต้องยอมรับเราก็เข้ามาในช่วงที่มีโครงสร้างไม่ดี

Q :กลัวไหมภาพตัว TIES ที่ติดอันดับด้านการปั่นหุ้น จะติดไปถึงตัว T  ไหม

     : เราต้องการล้างอยู่แล้ว สมัยก่อนมีการเก็งที่ไม่มีธุรกิจมาส่งเสริม แต่ของผมไม่รู้หรอกว่าจะมีคนมาเก็งราคาไหมแต่ที่มั่นใจคือทำอะไรขึ้นมาจริง มีผลประกอบการที่ดีจับต้องได้ เงินทุกเม็ดที่นักลงทุนใส่เงินมาก็เป็นการลงทุนในอนาคตสิ่งที่เราต้องการคือ มีความเร็วในการสร้างผลประกอบการทุกเม็ดทุกสตางค์จะทำให้เป็นเทริน์อะราวด์ 

Q : เงินที่เราจะนำไปลงทุนมาจากส่วนไหมบ้างครับ เพราะเห็นตอนนี้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดเพียงราว 300 ล้านบาท

     : คือมาจากPP ที่จะมีการเรียกชำระเร็วๆ นี้ราว 3 พันล้านบาท จำนวน 3 หมื่นหุ้น ซึ่งเป็นการจัดสรรเรียบร้อยแล้วอนุมัติผู้ถือหุ้นเรียบร้อย รอดูระยะเวลาที่เหมาะสม เหตุผลที่เรายังไม่เรียกเลยเพราะเวลาที่เรายังไม่ลงทุนไม่อยากให้นักลงทุน กังวลว่าเราเอาเงินไปทำอะไร อยากให้นักลงทุนสบายใจทำอะไรให้มีความชัดเจนถ้าเราเรียกเงินแล้วคือเราต้อง มีการใช้เงินให้ผู้ถือหุ้นเห็นชัดเจน  อาจจะมีการแบ่งเป็น ล็อตๆ ต้องดูตามโประเจคต่างๆ ซึ่งเราทำตามกฎของก.ล.ต. ทุกอย่างทำตามกฎมีไซเรนต์ พีเรียด โดยราคา 0.10 บาทต่อหุ้น
     แต่ในแง่บริษัทสภาพเป็นแบบนี้ราคาหุ้นแทบไม่มีราคาเลย ถ้าตี 0.23-0.24 บาทต่อหุ้นคงไม่มีคนสนใจถ้าเป็นRO ก็ไม่มีคนกล้าลงทุน แต่สิ่งที่เราขายให้นักลงทุนเป็นการขายอนาตว่าเราจะเป็นทางไหน ผลตอบแทนจะเป็นทางไหน แต่สิ่งที่สำคัญคือ
บริษัทฯ ต้องกลับมาเทริน์อะราวด์   ซึ่งตอนนี้เรามีผู้ถือหุ้นรายย่อยเยอะ ทั้งหมด 8 พันกว่าราย ซึ่งถือว่าเยอะมาก และผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ความเชื่อมั่นต่อบริษัท
    ณ วันที่ติด SP มีการปิดสมุดเพื่อส่งงบQ1 มีผู้ถือหุ้นอยู่8 พันราย และณ ตอนนี้ 8.5 พันราย แปลว่าผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนจำนวน 500 รายซื้อไอเดียของบริษัท แม้กระทั่งบริษัทโดยติด SP  2เดือน เป็นการขึ้นเรือและไปด้วยกัน ดังนั้นเราเห็นและว่านักลงทุนอยากรู้ว่าอนาคตของบริษัทเป็นอย่างไร

Q :IRR  แต่ละโครงการของบริษัทนั้นต้องมีขั้นต่ำเท่าไหร่คับ
     : เราพยายามทำให้เกิน 10% ซึ่งมันมีแพลนชัดเจนว่าแต่ละดีลที่เราเข้าไปจะเป็นอย่างไร เรามีการวางการจัดการ เช่นดิลที่อังกฤษเรามีการวาง IRR ชัดเจน ซึ่งเราก็มีการวางว่าระยะยาว2 ปี อาจจะเอาเข้าตลาดฯหลักทรัพย์ที่อังกฤษ เพื่อเป็นการล้างหนี้จากการลงทุน ซึ่งเราวางการจัดการจัดเจนไม่ได้ซื้อแล้วทิ้ง และเราก็มีธีมบริหาร

Q : อนาคตโครงสร้างของบริษัทฯ อาจจะเป็นลักษณะโฮลดิ้งคอมพานีไหมครับ จะต้องมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทไหมครับ

     : เป็นไปได้ครับ
     แต่ชื่อบริษัทยังไม่มีแผนเปลี่ยน เพราะอดีตบริษัทจะดีไม่ดีอย่างไร ไทยบริการก็เป็นชื่อที่เข้ามาเทรดในตลาดหุ้น มันมีความภูมิใจของตัวมัน  ซึ่งไม่ต้องกังวลว่าจะมีความสับสนทางธุรกิจ เพราะเรามีการขออนุมัติผู้ถือหุ้นในการจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อเข้าไปดูแล และเรื่องการเปลี่ยนชื่อในอนาคตก็คงไม่แน่ครับ ชื่ออยากจะเปลี่ยนเมื่อไหร่เปลี่ยนได้เลยครับ

Q : แล้วภาพของบริษัทฯ ในปี 60 จะเป็นอย่างไรครับ
     :ปี 60 เราจะมีการล้างขาดทุนสะสม และย้ายเข้าไปอยู่ใน SET เราจะทำให้บริษัทฯมีความมั่นคงในทุกๆด้าน มีผลกำไรชัดเจนเป็นปี ที่ทำให้ผู้ถือหุ้นรู้สึกพราวเพราะเราจะทำให้บริษัทโตอย่างมั่นคงและปี 60 อาจจะเห็นภาพหลายๆ โดยระบบบัญชีที่อังกฤษหลังเราทำดีลจบนั้นคือทางด้านนั้นแข็งแรงกว่าอีก ซึ่งมีระบบชัดเจนถือว่าณปัจจุบัน โรงแรมที่อังกฤษจะเป็นหนึ่งในดีลที่หวังไว้แต่เป็นแค่หนึ่งในดีลที่เจรจาและ บางดีลอาจจะสร้างผลกำไรได้ดีกว่านี้อีกหากการเจรจาสำเร็จแต่ยังไม่สามารถ เปิดเผยได้เพราะอยู่ในช่วงเจรจา

Q: ถามถึงโรงแรมที่อังกฤษเป็นอย่างไรบ้าง

     :คือปีที่แล้วเค้ามีรายได้ 4-5 พันล้าน Ebita ราว 1 พันล้านบาท และอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 65 % ซึ่งดูแล้วกำไรค่อนข้างสูงแต่ยังมีอัตราการเข้าพักที่ยังมีช่องว่างให้เรา เข้าไปเล่น ซึ่งส่วนใหญ่อัตราการเข้าพักของโรงแรมจะอยู่ที่ 75 % และธุรกิจโรงแรมนี้ Ebit ของโรงแรมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี โดยเราก็เข้าไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรในอัตราที่ใกล้ๆ เราไปกับพันธมิตรนอกตลาดฯยังไม่สามารถเปิดเผยได้คับ

Q คือคนอาจจะมองหุ้น T เป็นหุ้นปั่น

     :คือแน่นอนครับ คือ เป็นบริษัทไม่มีผลกำไรชัดเจน แต่มีการบูมของหุ้นเป็นช่วงๆ ไม่แปลงที่นักลงทุนจะมองแบบนั้น แต่สิ่งที่ผมทำคือทำให้บริษัทฯ เติบโตเรื่อยๆ เงินทุกบาททุกสตางค์ให้นักลงทุนเห็นเลยชัดเจน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นใหญ่ เช่น ธุรกิจโรงแรมที่อังกฤษ
    เราก็ไม่มีใครเกี่ยวข้องอยู่ที่นั้่นเลยเป็นการลงทุนล้วนๆ ไม่ได้เป็นนอมินีเข้าไปแน่นอน คาดว่าจะตกลงกันได้ปลายสิงหาคมถึงช่วงตันเดือนกันยายนนี้ ดีลนี้ค่อนข้างเร็วเค้ามีข้อมูลเป็นระบบ คาดว่าช่วงเดือนกันยายนคงลงตัวในแผนการใช้เงิน
     แต่ก่อนหน้าที่ตกลงจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ต้องขออนุมัติผู้ถือหุ้นชัดเจนทำตาม กฎ ตอนนี้เราก็ใช้ทีมดิวดิลิเจ้นท์ที่อังกฤษเพราะเป็นดีลในอังกฤษแต่เรากำลัง เลือกอยู่ และเราก็มีธีมดิวดิลิเจ้นท์ในเมืองไทยบินไปดูด้วย

Q : ปี 60 รายได้จะอยู่ที่เท่าไหร่

     :ผมอยากให้รายได้แตะคือ 1-2 หมื่นล้าน ผมมองว่าวิสัยทัศน์ของผู้บริหารจะโตไปได้ขนาดไหน

Q :กลัวไหมว่าคนจะมองเป็นหุ่นเชิดหรือคุณพ่อดันขึ้นมา

     :ผมต้องบอกว่าถ้าผมทำได้มีการยอมรับต่อผู้ถือหุ้น คือ ตั้งแต่จบมาผมไม่เคยทำงานกับคุณพ่อ เริ่มทำงานตั่งแต่เงินเดิน 2 หมื่นบาทในบริษัทปูน ผมเป็นพนักงานคนหนึ่งมาตลอดแต่ผมมองตัวเองเป็นผู้บริหารมืออาชีพ ดังนั้นผมจะนามสกุลเดียวกับประธานกรรมการหรือผู้ถือหุ้นใหญ่แต่ผมไม่สามารถ พาบริษัทไปตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดผมก็ไม่สามารถอยู่บริษัทนี้ เพราะพ่อผมพูดชัดเจนบริษัทนี้เป็นของผู้ถือหุ้น

Q:ธุรกิจก่อสร้างจะเป็นอย่างไร
     : คือในส่วนของธุรกิจเดิมคือธุรกิจก่อสร้างนั้นจริงๆ เราต้องมีการลงทุนไปก่อนรายใหญ่กินรายย่อยเยอะ เราจะเลือกทำมูลค่าหรือขนาดที่เราควบคุมได้
     ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่ทำขนาดใหญ่ แต่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะเราต้องมีการหมุนเวียนเงินก่อน ถ้าเกิดเราพลาดควบคุมไม่ดีมันจะล้มเหมือนโดมิโน่เลย เราก็ต้องผันตัวเองไปทำอย่างอื่นมีธุรกิจอื่นมาเสริมและเป็นความหลากหลายที่ ผู้ถือหุ้นชอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับธุรกิจอย่างเดียว
---จบ--

เกศรินทร์ สำแดงภัย/
ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์ เรียบเรียง

    

 

 

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้